การชะลอวัย เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่หลายคนต้องการ เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีผิวพรรณที่สดใสอ่อนวัยกว่าอายุจริง พรีไบโอติกและโพรไบโอติก อาจช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพดีและช่วยชะลอวัย ซึ่งเป็นการสนับสนุนทางอ้อมต่อการมีอายุยืนยาว

แม้จะไม่ได้มีหลักฐานที่ยืนยันว่าการรับประทานสิ่งเหล่านี้โดยตรงว่าจะทำให้อายุยืนยาวขึ้นอย่างชัดเจน แต่พรีไบโอติกและโพรไบโอติกช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความชราและรักษาสุขภาพโดยรวมได้

  • โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์มีชีวิตชนิดดี เช่น Lactobacillus, Bifidobacterium ที่ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ พบได้ในอาหารหมัก เช่น กิมจิ โยเกิร์ต คีเฟอร์ คอมบูชา เทมเป้ นัตโตะ มิโซะ
  • พรีไบโอติก คือ อาหารของจุลินทรีย์ชนิดดี (โพรไบโอติก) เช่น เส้นใยอาหารบางชนิดอย่างอินนูลิน ที่ร่างกายย่อยไม่ได้ แต่จุลินทรีย์ชนิดดีสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ พบได้ในอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น กระเทียม หัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย แอปเปิ้ล ถั่ว ธัญพืชต่างๆ

กลไกการชะลอวัยของพรีไบโอติกและโพรไบโอติก

กลไกหลักที่โพรไบโอติกและพรีไบโอติกช่วยชะลอวัยนั้น มุ่งไปที่การต่อสู้กับปัจจัยสำคัญของการเสื่อมชรา ได้แก่ ภาวะอักเสบ ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการทำงานของภูมิคุ้มกันที่ลดลง

1. ลดภาวะอักเสบเรื้อรัง

การอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ (Chronic low-grade inflammation) เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดความชราและการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ ซึ่งถูกเรียกว่า “Inflammaging”

โพรไบโอติกและพรีไบโอติกช่วยให้เกิดสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ดี ซึ่งสามารถลดการผลิตสารก่อการอักเสบ และเพิ่มการผลิตสารต้านการอักเสบ

...

การมีจุลินทรีย์ที่ดีช่วยเสริมความแข็งแรงของเยื่อบุลำไส้ ซึ่งป้องกันการรั่วไหลของสารพิษหรือเชื้อโรคจากลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบทั่วร่างกาย

2. ผลิตสารชีวภาพที่มีประโยชน์

พรีไบโอติกจะถูกย่อยสลายโดยโพรไบโอติกในลำไส้ และผลิตสารที่เรียกว่า กรดไขมันสายสั้น (Short-Chain Fatty Acids: SCFAs) เช่น บิวทิเรต (Butyrate)

SCFAs เป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับเซลล์เยื่อบุลำไส้ และมีบทบาทในการสื่อสารกับระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่า SCFAs อาจช่วยปรับปรุงการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับอายุยืนยาว เช่น Klotho และ Sirtuins

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock


3. การต่อต้านความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน

ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidative Stress) คือความไม่สมดุลระหว่างอนุมูลอิสระ กับสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งนำไปสู่การทำลายเซลล์และเร่งความชรา

โพรไบโอติกบางสายพันธุ์แสดงคุณสมบัติในการเพิ่มการตอบสนองของสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เช่น การปกป้องตับจากความเสียหายจากออกซิเดชัน

4. ชะลอความเสื่อมของผิวหนัง

มีการศึกษาเกี่ยวกับแกนลำไส้-ผิวหนัง พบว่าโพรไบโอติกสามารถช่วยลดความเสียหายของผิวที่เกิดจากรังสี UV บรรเทาความเครียดจากออกซิเดชันบนผิวหนัง ปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว และปรับปรุงคุณภาพเส้นผม ตามรายงานการศึกษา

การดูแลสุขภาพลำไส้ด้วยพรีไบโอติกและโพรไบโอติกเป็นการสนับสนุน “Healthspan” ซึ่งหมายถึงช่วงชีวิตที่เรามีสุขภาพดีและปราศจากโรคเรื้อรัง การมีสุขภาพที่ดีในช่วงชีวิตที่ยาวนานขึ้นนี้เองที่อาจนำไปสู่การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Longevity) โดยอ้อม

ที่มา: PubMed (National Library of Medicine, U.S.), MDPI (Multidisciplinary Digital Publishing Institute), PMC (PubMed Central)