ในช่วงฤดูฝนที่โรคติดเชื้อในเด็กกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง "เยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก" (Meningitis) กลายเป็นอีกหนึ่งโรคที่ผู้ปกครองไม่ควรละสายตา เพราะแม้จะพบไม่บ่อยเท่าโรคระบบทางเดินหายใจหรือไวรัสทั่วไป แต่ก็เป็น "โรครุนแรง" ที่อาจส่งผลต่อสมองและชีวิตของลูกได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็กคืออะไร

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง โดยสามารถเกิดได้จากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ทำให้เสี่ยงอาการรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า 

1.  เชื้อไวรัส ที่พบบ่อย เช่น เอนเทอโรไวรัส, หัด, คางทูม, อีสุกอีใส
2.  เชื้อแบคทีเรีย ที่อันตรายมาก เช่น นีเซอเรีย เมนิงโกคอคคัส (Neisseria meningitidis), สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae), ฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา (Haemophilus influenzae)
3.  เชื้อรา มักพบในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กที่ป่วยเรื้อรังหรือได้รับยากดภูมิ

อาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก

อาการของโรคนี้อาจคล้ายไข้หวัดใหญ่ช่วงแรก จึงทำให้หลายครอบครัวเข้าใจผิดและพาไปรักษาช้า ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น สมองอักเสบ ชัก หรือเสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น โดยอาการที่ควรระวัง ได้แก่

  • ไข้สูง ซึม ร้องงอแงผิดปกติ (โดยเฉพาะทารก) 
  • ปวดศีรษะ 
  • คอแข็ง ก้มคอไม่ได้
  • อาเจียน 
  • ไม่ทานอาหาร 
  • ชัก หรือหมดสติ
  • พบจุดเลือดออกตามผิวหนังในบางกรณี (โดยเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรง)

...

การวินิจฉัยและการรักษา

แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจพิจารณาเจาะเลือดหรือเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจหาเชื้อที่เป็นต้นเหตุ และวางแผนการการรักษาตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ ดังนี้

  • เชื้อแบคทีเรีย  ต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดทันที
  • เชื้อไวรัส  รักษาตามอาการและเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด
  • เชื้อรา ให้ยาต้านเชื้อราชนิดเฉพาะตามความเหมาะสม

สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) โดยเฉพาะในกรณีมีอาการทางสมองรุนแรง

การป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก 

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดของการป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็กคือ การให้วัคซีนครบตามช่วงวัย ซึ่งสามารถลดโอกาสเกิดโรครุนแรงได้อย่างมาก ได้แก่ วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (MenACWY, MenB), วัคซีนฮิบ (Hib), วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม (Pneumococcal vaccine), วัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) รวมถึง การล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย และดูแลสุขอนามัยรอบตัว ยังเป็นวิธีพื้นฐานที่ป้องกันโรคได้ดีไม่แพ้กัน

คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในช่วงฤดูกาลระบาด

ในช่วงที่มีข่าวโรคติดเชื้อระบาดในโรงเรียน หรือมีเด็กในละแวกบ้านป่วย อย่าละเลยอาการผิดปกติของลูกน้อย หากพบอาการ "ไข้สูง+ซึม+อาเจียน+คอแข็ง+ชัก" ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที อย่ารอให้โรคลุกลาม เพราะ "เยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็ก" อาจดูเหมือนหวัดธรรมดาในช่วงแรกแต่หากวินิจฉัยช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาจแลกด้วยชีวิตหรือความพิการทางสมองได้

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลพญาไท 2