เสียงหัวเราะ เสียงวิ่งเล่นของเด็กๆ อาจเป็นภาพที่อบอุ่นใจในบ้าน แต่ในขณะเดียวกัน ก็แฝงด้วย “ความเสี่ยง” ที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ทันคิด เพราะอุบัติเหตุในเด็กไม่ได้เกิดจากความซนเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจาก “ความประมาทของผู้ใหญ่” ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหน้าที่ของเราคือการสังเกต ป้องกัน และเตรียมพร้อมให้มากที่สุด
1. ไฟฟ้าดูดในบ้าน
เด็กที่เพิ่งเริ่มคลานหรือเดิน ปลั๊กไฟคือสิ่งแปลกใหม่ที่น่าค้นหาเสมอ หลายกรณีเกิดจากการใช้นิ้วหรือชิ้นของเล่นจิ้มเข้าไปในปลั๊กจนเกิดไฟฟ้าช็อต
วิธีป้องกัน : ใช้ตัวอุดปลั๊กไฟที่มีฝาปิดอย่างแน่นหนา เลือกปลั๊กไฟที่มีระบบป้องกันไฟฟ้าดูด และหมั่นตรวจสายไฟว่าอยู่ในสภาพดี ไม่ให้มีสายเปลือย
2. กลืนวัตถุแปลกปลอม เหรียญ ลูกปัด ถ่าน กระดุม
เด็กเล็กที่อยู่ในวัยชอบหยิบสิ่งของเข้าปาก การกลืนเหรียญ ถ่านกระดุม หรือแม้แต่เมล็ดผลไม้ขนาดเล็ก อาจทำให้เกิดการอุดตันหลอดลม หายใจไม่ออก หรือเกิดกรดกัดหลอดอาหาร
...
วิธีป้องกัน : หลีกเลี่ยงของเล่นที่มีชิ้นส่วนหลุดง่าย โดยเฉพาะในเด็กต่ำกว่า 3 ปี และหมั่นตรวจสอบว่ารีโมทหรือของใช้อื่น ๆ ที่ใช้ถ่านกระดุมต้องมีฝาปิดแน่นหนา
3. จมน้ำ
เด็กเล็กสามารถจมน้ำได้แม้ในถังน้ำขนาดเล็ก เพราะคอและแขนยังไม่แข็งแรงพอที่จะยันตัวขึ้นเมื่อศีรษะจุ่มน้ำ แม้แต่การลื่นล้มในบ่อน้ำตื้นหรืออ่างอาบน้ำก็อาจทำให้เกิดเหตุร้ายได้
วิธีป้องกัน : อย่าทิ้งเด็กเล็กไว้ลำพังขณะอาบน้ำแม้เพียง 1 นาที และปิดฝาถังน้ำหรืออ่างน้ำหลังใช้เสมอ รวมถึงหากมีบ่อปลา สระว่ายน้ำ ควรมีรั้วกั้นที่เด็กปีนไม่ได้
4. นิ้วหนีบจากประตู-หน้าต่าง
หนึ่งในอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในบ้านที่มีหลายห้อง คือการหนีบนิ้วระหว่างเล่นปิด-เปิดประตู แม้ไม่รุนแรงถึงขั้นพิการ แต่ก็ทำให้เด็กเสียขวัญและเกิดบาดแผลลึกได้
วิธีป้องกัน : ใช้อุปกรณ์กันหนีบนิ้ว เช่น ตัวหนีบยางกันประตู และห้ามให้เด็กเล่นเปิด-ปิดประตูหรือวิ่งเล่นใกล้ประตูบานเลื่อน
5. ตกจากที่สูง บันได หรือเฟอร์นิเจอร์
อุบัติเหตุตกจากเตียง หรือตกจากโซฟา เป็นเคสที่เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะในที่เด็กเริ่มพลิกตัวเองได้ รวมถึงเด็กในวัยที่เริ่มปีนป่ายได้ ซึ่งแขนขาที่กำลังไม่มากพออาจทำให้พลัดตกลงจากที่สูงได้ง่าย
วิธีป้องกัน : ไม่ควรปล่อยเด็กเล็กนอนบนเตียงสูงโดยไม่มีรั้วกันตก ควรติดตั้งรั้วกั้นบันได และสอนเด็กไม่ให้ปีนเล่น พร้อมเก็บเก้าอี้หรือกล่องที่อาจใช้ปีนจากขอบหน้าต่าง
6. ลืมเด็กไว้ในรถ
เหตุการณ์ลืมเด็กไว้ในรถ มักมีให้เห็นบ่อยครั้ง ความอันตรายเกิดจากความร้อนภายในรถที่สามารถพุ่งสูงถึง 50–60 องศาฯ ได้ในเวลาเพียง 15 นาที และอาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ภายในเวลาอันสั้น
วิธีป้องกัน : ควรสอนวิธีเปิด-ปิดล็อคประตูให้เด็ก และผู้ปกครองควรตรวจสอบความเรียบร้อยภายในรถก่อนล็อครถทุกครั้ง
7. ถูกสัตว์เลี้ยงหรือแมลงกัดต่อย
เมื่อถึงวัยที่เด็กสามารถออกไปสำรวจหรือเล่นซนบริเวณรอบบ้าน การถูกแมลงสัตว์กัดต่อยจึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่งในเด็กเล็กยังไม่มีภูมิต้านทานต่อพิษจากแมลงบางชนิด เช่น ผึ้ง ตะขาบ ยุงลาย
วิธีป้องกัน : ใช้มุ้งลวดหรือสเปรย์กันแมลงในพื้นที่เสี่ยง แต่หากสงสัยว่าลูกอาจโดนพิษแมลงและมีอาการแพ้ เช่น มีอาการบวมมาก ผื่นขึ้นทั่วตัว หรือหายใจลำบากหลังโดนพิษ ให้รีบพบแพทย์ทันที
...
8. ถูกรถชน หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน
เด็กวัยอนุบาลถึงประถมมีพฤติกรรม “ตัดหน้ารถ” วิ่งเก็บลูกบอล หรือวิ่งตามเพื่อนโดยไม่มองทาง อุบัติเหตุหน้าบ้านจึงเกิดขึ้นบ่อยมากกว่าที่คิด
วิธีป้องกัน : สอนให้หยุด มองซ้าย-ขวาก่อนข้ามทางหรือถนนทุกครั้ง และควรทำรั้วบ้านให้ปิดแน่นหนา ป้องกันเด็กวิ่งออกถนน และควรหาสถานที่ให้เด็กเล่นในพื้นที่ปลอดภัย
อุบัติเหตุเกิดได้แม้ในบ้านที่ปลอดภัยที่สุด แม้เราจะพยายามป้องกันแค่ไหน แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ไม่ประมาท” และมีแผนรับมือที่ดี เช่น การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น การรู้เบอร์ฉุกเฉิน และการมีศูนย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลที่พร้อมดูแลเด็กในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะหนึ่งวินาทีของความเผลอ อาจกลายเป็นหนึ่งชีวิตที่เรารักมากที่สุด
ข้อมูลโดย : โรงพยาบาลพญาไท 3