องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศจัดให้โควิด 19 สายพันธุ์ “XFG” เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตา เพราะแพร่กระจายเร็ว และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันแพร่กระจายในหลายประเทศทั่วโลก โดยล่าสุดมีรายงานพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์นี้ที่ประเทศมาเลเซียแล้ว
โควิด 19 สายพันธุ์ XFG มีอาการอย่างไร
โควิด 19 สายพันธุ์ XFG มีอีกชื่อหนึ่งว่า "Stratus" เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน และเพิ่งได้รับการกำหนดให้เป็น “สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง” โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เนื่องจากพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นพร้อมกันของจำนวนผู้ป่วยใหม่และการเข้ารักษาในโรงพยาบาล
แม้จะมีการเพิ่มขึ้นของอาการป่วย แต่ WHO พิจารณาว่าความเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์ XFG ค่อนข้างต่ำ และยังไม่มีข้อมูลรายงานว่านำไปสู่การเจ็บป่วยที่รุนแรงกว่าหรือเสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่
อาการโดยทั่วไปจะคล้ายคลึงกับโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- มีไข้หรือหนาวสั่น
- ไอ
- หายใจถี่หรือหายใจลำบาก
- เจ็บคอ
- คัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล
- สูญเสียการรับรสหรือกลิ่น
- อ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือร่างกาย
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- ท้องร่วง
...
และมีรายงานว่าผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ XFG บางรายมีอาการเสียงแหบหรือคอแห้งระคายเคืองร่วมด้วย ซึ่งสามารถพบได้ในสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วอาการมักจะหายได้เองโดยไม่ต้องมีการรักษาทางการแพทย์
โควิดสายพันธุ์ XFG อันตรายแค่ไหน
WHO ได้ประเมินความเสี่ยงโดยรวมต่อสาธารณสุขจากสายพันธุ์ XFG ว่าอยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีรายงานจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ แต่ข้อมูลปัจจุบัน ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์ XFG นำไปสู่ความเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้นหรือการเสียชีวิต เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ รวมทั้งอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความรุนแรงของโรคจะลดลงกว่าในช่วงแรกของการระบาด เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันแล้ว (จากการติดเชื้อมาก่อนอย่างน้อยหนึ่งครั้งหรือจากการฉีดวัคซีน) บุคคลที่ได้รับวัคซีน รวมถึงผู้ใหญ่และเด็ก มีแนวโน้มที่จะได้รับการป้องกันจากโรคร้ายแรงที่เกิดจากสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนรวมถึงสายพันธุ์ XFG
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้การติดเชื้อดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็อาจจะยังแย่กว่าการเจ็บป่วยทางเดินหายใจอื่น ๆ
วิธีป้องกันจากโควิดสายพันธุ์ XFG
การป้องกันโรคโควิดสายพันธุ์ XFG ไม่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนและการป้องกันส่วนบุคคล ได้แก่
- รักษาความสะอาด ล้างมือเป็นประจำ
- หากมีอาการทางเดินหายใจ ควรอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ด้วยกันแต่ไม่ป่วย
- สวมหน้ากากอนามัย สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อได้
- หากมีปัจจัยเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการตรวจหรือรักษาทันที
- หากติดเชื้อและมีอาการ ให้พักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ และใช้ยาแก้ปวดหรือยาลดไข้ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เพื่อบรรเทาอาการ
- หากอาการยังคงอยู่ภายในห้าวันนับจากเริ่มมีอาการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา โดยแพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส เช่น Paxlovid
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังจำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยง
- วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบัน ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนัก การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต จากสายพันธุ์นี้
- ระบบภูมิคุ้มกัน T-cell ที่เกิดจากวัคซีนยังคงให้การป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างมากในการต่อสู้กับโรคร้ายแรงข้ามสายพันธุ์
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้ประชาชนได้รับการอัปเดตวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยหนัก การเข้าโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
- WHO แนะนำให้บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงควรได้รับวัคซีนที่อัปเดตแล้ว เช่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ที่มีภาวะโรคร่วมหลายอย่าง, และผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป
- บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงและมีภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นพิเศษควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับวัคซีนล่าสุด