“อหิวาตกโรค” เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Vibrio Cholera (วิบริโอ คอเลรา) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกินน้ำที่มีเชื้อทำให้เกิดอาการท้องเสียเฉียบพลันอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ แม้ว่าคนที่ติดเชื้อไม่ได้มีโรคประจำตัวใด ๆ

การติดเชื้อเป็นวงกว้างหรือการระบาดมักเกิดขึ้นในที่ไม่สามารถดูแลเรื่องความสะอาดของน้ำและขยะได้ดี

อาการและอาการแสดง

หลายคนที่ได้รับเชื้อแบคทีเรียนี้อาจไม่มีอาการ แต่ยังแพร่เชื้อผ่านทางอุจจาระได้ หากมีอาการ จะพบอาการหลัก ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายเหลวแบบเฉียบพลันรวดเร็ว และมีปริมาณมาก อุจจาระมักมีลักษณะขาวขุ่นคล้ายน้ำนม หรือน้ำซาวข้าว กลิ่นคาวปลา ปริมาณอุจจาระอาจมีมากถึง 1 ลิตรต่อชั่วโมง หากไม่ได้กินน้ำหรือรับสารน้ำทดแทน อาจมีภาวะขาดน้ำได้ โดยเฉพาะหากมีการสูญเสียน้ำมากกว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว จะแสดงถึงภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น ผู้ที่น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ถ่ายเหลวจนเสียน้ำ 5 กิโลกรัมหรือ 5 ลิตร อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงได้

อาการอื่น ๆ ที่พบได้ที่สัมพันธ์กับการขาดน้ำ ได้แก่ อ่อนเพลีย ตาโหล ปากแห้ง หิวน้ำมาก พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงกลายเป็นหงุดหงิดง่าย ปัสสาวะออกน้อย บางรายผิวหนังแห้ง เหี่ยวย่น กดแล้วไม่กระเด้งกลับ จนกระทั่งอาจรุนแรงจนมีความดันตกหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ จนเกิดเป็นภาวะช็อก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากนี้การเสียน้ำมักเสียสารอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายไปด้วย ทำให้เกิดการขาดสมดุล และมีอาการขึ้นกับชนิดอิเล็กโทรไลต์ที่ต่ำ เช่น โซเดียมต่ำ โพแทสเซียมต่ำ คลอไรด์ต่ำ มักทำให้เกิดกล้ามเนื้อเป็นตะคริว หรือบางรายรุนแรงจนกระทั่งมีภาวะไตวายได้

...

สาเหตุ

แบคทีเรียที่ชื่อว่า Vibrio Cholera มีสิ่งที่เด่นคือ มักจะมีการปล่อยสารพิษที่สร้างจากแบคทีเรียในลำไส้เล็ก ซึ่งจะทำให้ร่างกายขับน้ำปริมาณมากออกจากร่างกาย ทำให้เกิดการเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์

พบได้ที่ไหนบ้าง

- น้ำที่ติดเชื้อคอเลร่านี้ อาจพบได้ใน

- น้ำในบ่อ โดยเฉพาะที่มีประชากรแออัดและระบบสาธารณสุขไม่ดีพอ อาจไม่ได้ผ่านการบำบัดน้ำ ทำให้มีเชื้อปนได้

- ผักผลไม้ดิบ ที่อาจมีการปนเปื้อนอุจจาระวัวหรือควายในปุ๋ย หรือน้ำที่มารดต้นไม้ ทำให้มีเชื้อที่เปลือกผิว หากไม่ล้างให้สะอาดเต็มที่อาจติดเชื้อได้

- ข้าวและเมล็ดพืชต่าง ๆ อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ หากปนเปื้อนในการหุงข้าวด้วยน้ำที่มีเชื้อคอเลร่าปน หรือเก็บข้าวไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลาหลายชั่วโมง

- อาหารทะเล หากกินดิบหรือไม่ได้ปรุงสุกเต็มที่อาจจะมีเชื้อได้ โดยเฉพาะสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือก เช่น หอย กุ้ง ปู และอื่น ๆ


ปัจจัยเสี่ยง

ทุกคนมีความเสี่ยง แต่พบน้อยในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากเด็กเล็กมักมีภูมิมาจากน้ำนมมารดาที่เคยได้รับเชื้อมาในอดีต แต่คนที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง ได้แก่

● ผู้ที่อยู่ในสภาพที่สุขอนามัยไม่ดี เช่น ในค่ายอพยพ ภาวะสงคราม การขาดแคลนอาหาร และภัยธรรมชาติต่าง ๆ

● ผู้ที่มีกรดในกระเพาะอาหารน้อยหรือไม่มีเลย เนื่องจากแบคทีเรียคอเลร่านี้ไม่สามารถทนภาวะกรดได้ดี ทำให้ถูกทำลายในกระเพาะอาหาร แต่ในรายที่ได้ยาบางตัวที่ลดกรด เช่น H2 blockers หรือ Proton pump inhibitors

● ผู้ที่อาศัยในบ้านเรือนเดียวกับผู้ติดเชื้อ

● คนที่กินอาหารทะเลแบบมีเปลือก โดยไม่ทำให้สุกสะอาดเพียงพอ

● คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ มีงานวิจัยยืนยันว่าพบมากขึ้นกว่าคนที่มีเลือดกลุ่มอื่น ๆ แต่ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ชัดเจน

การป้องกัน มีดังนี้

1. ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์บ่อย ๆ

2. ดื่มเฉพาะน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย ไม่มีเปิดฝาทิ้งไว้

3. สังเกตน้ำแข็งว่าทำมาจากน้ำดื่มหรือไม่ หากไม่แน่ใจให้เลี่ยง มาที่กินให้สะอาดปลอดภัยเท่านั้น

4. เลี่ยงอาหารไม่สุก สัตว์ทะเลดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ

5. เลี่ยงผักผลไม้ที่ปอกทิ้งไว้ หากเป็นไปได้ควรปอกเอง

แหล่งข้อมูล
อ. พญ. รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

...


อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม