หลายคนอาจไม่ทราบว่าแมลงตัวเล็กๆ อย่าง “เห็บ” ก็สามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่อคนจนทำให้เสียชีวิตได้
เช้าวันนี้ (14 ก.ค. 2568) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ว่าเห็บกัดอาจทำให้เสียชีวิตได้ จากโรคไข้สูงเกล็ดเลือดต่ำ (SFTS)
จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา มานานมากกว่า 5 ปี พบโรคไข้สูงเกล็ดเลือดต่ำ (SFTS, Severe Fever with Thrombocytopenic Syndrome) ที่เกิดจากไวรัส พบโรคนี้กระจายอยู่ทั่วไป ทั้งในชานเมืองกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ภาคตะวันออก เข้าใจว่าพบได้ทุกภาคของประเทศไทย
แต่เดิมเข้าใจว่าโรคนี้พบได้เฉพาะในประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันมีรายงานเพิ่มขึ้นแม้กระทั่งเวียดนามและพม่า จึงไม่แปลกที่จะพบในประเทศไทย และอุบัติการณ์ถ้าตรวจก็คงพบได้ไม่น้อย
ในผู้ป่วยที่มีไข้สูง ไม่ทราบเหตุ พบได้ประมาณ 1-2% และถ้ามีอาการคล้ายไข้เลือดออก และตรวจไม่พบว่าเป็นไข้เลือดออก จะมีเปอร์เซ็นต์สูงยิ่งขึ้น ทางศูนย์ได้ทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ เช่น Emerg Infect Dis. 2022 Dec;28(12):2572-2574. doi: 10.3201/eid2812.221183
...
โรคนี้ทำให้เสียชีวิตได้ และมีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วในประเทศไทย อย่างน้อย 2 ราย พาหะที่สำคัญนำโรคนี้ในประเทศไทย คือ เห็บสุนัข (Rhipicephalus sanguineus) (ดังรูป) ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทย ส่วนการแพร่ระบาดในประเทศจีน จะเป็นเห็บสายพันธุ์ Long horn tick ทางศูนย์ได้ศึกษาระบาดวิทยาในเห็บ และยังพบได้ในไรอ่อนของหนู ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก
โรคนี้เชื่อว่าพบได้ทั่วไปและไม่เคยรายงาน เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าจะตรวจด้วยวิธีอะไร
ถ้ามีผู้สงสัยป่วยเป็นโรคนี้ จะส่งมาตรวจทางศูนย์ ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจให้ และเพื่อให้เป็นที่รู้จักของแพทย์ทั่วไป ให้ได้วินิจฉัยโรคดี รวมทั้งต่อไปจะต้องมีแนวทางมาตรการในการควบคุม เพราะโรคนี้มีความรุนแรงนอกจากไข้สูง เกล็ดเลือดต่ำแล้ว อาจทำให้เสียชีวิตได้ ยังไม่มียารักษาจำเพาะ และวัคซีนในการป้องกัน
สาเหตุโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
ข้อมูลจากสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยเผยว่าโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือโรคเห็บ “Severe fever with thrombocytopenia syndrome (SFTS)” ติดต่อโดยมีเห็บเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีประวัติถูกเห็บกัดก่อนเกิดอาการ และสามารถตรวจพบเชื้อจากเห็บ และจากสัตว์ที่อยู่บริเวณที่อยู่อาศัยของผู้ป่วย เชื้อชนิดนี้มีวงจรการติดต่อแบบ enzootic tick - vertebrate - tick cycle มีการวนเวียนของเชื้อระหว่างเห็บและสัตว์ที่เป็นรังโรค ชนิดของเห็บที่เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญคือ H. longicornis ส่วนสัตว์ที่เป็นรังโรค ได้แก่ แพะ แกะ หมู วัว ควาย สุนัข ไก่ นกบางชนิด หนู และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานการก่อโรคในสัตว์ การติดต่อจากคนสู่คนยังไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่มีการรายงานการเกิดโรคในครอบครัวเดียวกัน และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนเกิดอาการของโรค
อาการโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
การดำเนินโรคมีทั้งหมด 3 ระยะ คือ
1. ระยะไข้ (fever stage)
ลักษณะอาการ คือ มีไข้สูง (5 - 11 วัน) ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะพบเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ และมีระดับไวรัส (viral load) สูง
2. ระยะภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน (multiple organ failure)
ระยะนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ของโรค โดยมีระยะเวลาทั้งหมด 7 - 14 วัน ในระยะนี้จะพบมีภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน (multiple organ failure) ได้แก่ ตับ หัวใจ ปอด และไตมีอาการเลือดออก อาการผิดปกติทางระบบประสาท และพบภาวะการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย
...
ความผิดปกติทางระบบประสาทที่พบ ได้แก่ ความสับสนเฉียบพลัน, อาการชักเกร็งทั่วไป, อาการชักเฉพาะที่, อาการสั่น, อัมพาตเฉียบพลันแบบอ่อนแรง, โรคสมองอักเสบ
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารที่พบ ได้แก่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดท้อง มีค่า serum amylase สูงซึ่งบ่งบอกถึงภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะมีระดับไวรัสสูงต่อเนื่อง ระดับค่า biomarkers ต่างๆ จะสูงกว่าในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง และมีค่าเกล็ดเลือดต่ำต่อเนื่อง
3. ระยะฟื้นตัว (convalescence)
ระยะนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 - 19 ของโรค โดยอาการจะดีขึ้นเป็นลำดับ ค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ ที่ผิดปกติจะเริ่มดีขึ้นในระยะนี้ ส่วนค่า biomarkers ต่างๆ จะกลับสู่ค่าปกติอาศัยระยะเวลาประมาณ 3 - 4 สัปดาห์
สำหรับการรักษา คือ การรักษาตามอาการ ปัจจุบันยังไม่มียาจำเพาะสำหรับโรคนี้ การป้องกันโรค คือการหลีกเลี่ยงการถูกเห็บหมัดกัด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่จำเพาะสำหรับโรคนี้
...