โดยไม่ทันตั้งตัว ฤดูฝนก็เวียนมาถึงอีกครั้ง นำมาซึ่งความเปียกปอนและชุ่มฉ่ำ แต่ในขณะเดียวกัน สายฝนเหล่านี้ก็ยังสร้างแอ่งน้ำขังอันเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของยุงร้ายที่เป็นพาหะนำโรคอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ไข้เลือดออก" หนึ่งในสิบภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่พร้อมจะแพร่ระบาดรุนแรงในฤดูฝน

ลำพังเพียงการติดเชื้อไวรัสก็นับเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือการที่ผลกระทบของเชื้อร้ายลุกลามไปถึง “คนใกล้ชิด” แม้ไม่ได้ป่วยกาย แต่กลับต้องเผชิญกับการ “ป่วยใจ” ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการอยู่เคียงข้างคนที่พวกเขารักและห่วงใยในยามต่อสู้กับโรคร้าย ไม่ว่าจะมือที่จับหน้าผากเพื่อวัดไข้... สายตาที่จับจ้องนาฬิการอเวลาให้ยา... เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ขณะกระซิบคำให้กำลังใจ... ไปจนถึงความกังวลที่แทรกซึมในทุกลมหายใจกับความไม่แน่นอนของโรค สิ่งเหล่านี้ล้วนบั่นทอนสุขภาพของคนข้างๆ ไม่ต่างกับคนที่กำลังต่อสู้กับโรค ซึ่งเราอาจจะเรียกผู้คนที่กำลังเผชิญกับมันได้ว่าผู้ที่เป็น "ไข้เลือดออกมือสอง" โรคที่คนเจ็บไม่ได้ป่วย แต่ต้องทุกข์ทรมานจากการที่คนรักติดไข้เลือดออก แม้ไม่ได้รับเชื้อโดยตรง แต่ก็ต้องแบกรับความทุกข์ไม่ต่างกัน

และใครจะรู้ ในวันหนึ่งเราอาจพบว่าตนเองกำลังเป็นไข้เลือดออกมือสองโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน

"ไข้เลือดออกมือสอง" ภัยซ่อนเร้นที่พร้อมเล่นงานเราทุกคนโดยไม่ทันตั้งตัว

ไข้เลือดออกมีพาหะนำโรคคือยุงลายตัวเมียที่มี “เชื้อไวรัสเดงกี” แต่ในขณะที่ผู้ติดเชื้อไวรัสเดงกีจะมีสัญญาณของโรคชัดเจนทำให้สามารถระบุได้ว่าคนๆ นี้กำลังเป็นโรคไข้เลือดออก แต่ในทางตรงข้ามคนที่เป็น “ไข้เลือดออกมือสอง” อาจเป็นใครก็ได้ที่ใช้ชีวิตร่วมกับเราในสังคม พวกเขาดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ภายในจิตใจกำลังแบกรับความทุกข์อย่างใหญ่หลวง ทั้งความทรมานทางร่างกายจากการอดหลับอดนอน การต้องทำงานไปด้วยดูแลผู้ป่วยไปด้วย และยังรวมถึงความทรมานทางจิตใจจากการเฝ้ารอผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ยาก ไม่ว่าจะความกังวล ความเป็นห่วง ล้วนทำให้สภาวะจิตใจแย่ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเรื่องราวจาก 3 ชีวิตต้องกลายเป็น "ผู้ป่วยมือสอง" โดยไม่ทันตั้งตัว

“คุณโส” เป็นเจ้าของร้านกาแฟวัย 27 ปี ชีวิตพลิกผันเมื่อต้องปิดร้านกะทันหันเพราะแม่ป่วยเป็นไข้เลือดออก โรคประจำตัวทั้งเบาหวานและความดันของแม่ทำให้อาการรุนแรงขึ้น เขาต้องอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาลกว่า 10 วัน พร้อมรับมือกับคำเตือนจากแพทย์ถึงความเสี่ยงที่แม่อาจมีภาวะอวัยวะล้มเหลว ชีวิตของโสเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น เขาอดคิดไม่ได้ว่าหากให้ย้อนเวลากลับไป เขาจะใส่ใจดูแลป้องกันมากกว่านี้

“คุณแอน” สาวออฟฟิศวัย 35 ปี ต้องทนทุกข์เมื่อลูกชายป่วยหนักด้วยโรคไข้เลือดออก ในช่วงเวลานั้น เธอแทบไม่มีสมาธิทำงาน คิดถึงแต่ลูกตลอดเวลา ต้องรีบทำงานให้เสร็จเพื่อกลับไปดูแลลูกที่บ้าน ความกังวลทวีความรุนแรงเมื่อได้รับแจ้งจากแพทย์ว่าไข้เลือดออกไม่มียารักษาเฉพาะ ในช่วงเวลาที่ลูกอาการหนัก เธอถึงกับคิดว่าอาจจะต้องสูญเสียลูกไป ตลอดระยะเวลาการเจ็บป่วยของลูก เธอโทษตัวเองไม่หยุดที่ประมาทจนลูกต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้

“ป้าป้อม” วัย 67 ปี ต้องเผชิญกับความโศกเศร้าอย่างแสนสาหัสเมื่อเพื่อนสนิทในวัยเดียวกันเสียชีวิตจากไข้เลือดออก เพื่อนที่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไปทำบุญและท่องเที่ยวด้วยกันเสมอ ได้จากไปเพราะความลังเลที่จะไปโรงพยาบาล เธอไม่อยากเป็นภาระลูกหลานจึงซื้อยากินเอง เมื่ออาการทรุดลงอย่างรวดเร็วและต้องเข้า ICU ก็สายเกินไป เหตุการณ์นี้ทำให้ป้าป้อมและเพื่อนผู้สูงวัยคนอื่นๆ หวาดกลัวอย่างรุนแรง ทั้งกลัวการติดเชื้อและกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวอีกต่อไป

เรื่องราวเหล่านี้ล้วนตอกย้ำว่าเบื้องหลังโรคไข้เลือดออกที่มักถูกมองข้ามคือความทุกข์ที่แผ่ขยายไปสู่ผู้คนรอบข้างของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวลที่ไม่รู้จบ การสูญเสียรายได้ หรือความรู้สึกผิดที่ฝังลึก จากเรื่องราวของทั้งสามเราเห็นได้ชัดว่าโรคนี้ไม่เพียงทำร้ายผู้ติดเชื้อ แต่ยังสร้างบาดแผลให้กับคนที่รักพวกเขาด้วย การตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันจึงไม่ใช่เพียงเพื่อสุขภาพของเราเอง แต่เพื่อปกป้องทุกคนที่เราห่วงใยจากความทุกข์ที่มองไม่เห็นนี้

ป้องกันดีกว่ารักษา ห่างไกลความเสี่ยง ใกล้ชิดความสุข

แม้เราส่วนใหญ่จะได้ยินเรื่องของไข้เลือดออกมาตั้งแต่จำความได้ แต่หลายคนก็อาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว จนอาจลดการ์ดและคลายความระมัดระวังลง ทว่าในความจริงแล้วไข้เลือดออกยังนับเป็นหนึ่งในโรคอันตรายที่อาจคร่าชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้หนึ่งในความน่ากลัวของไข้เลือดออกคือเชื้อไวรัสเดงกีที่นำมาซึ่งโรคจะมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 ดังนั้นแม้คุณจะเคยติดเชื้อสายพันธุ์หนึ่งจนร่างกายมีภูมิคุ้มกัน แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อสายพันธุ์อื่นๆ อีก (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแต่ละคนมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกได้ถึง 4 ครั้งตลอดชีวิต) และสิ่งที่น่ากังวลคือการติดเชื้อซ้ำมีโอกาสที่อาการของโรคอาจจะรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งอาการของโรคไข้เลือดออกก็จะมีตั้งแต่ ไข้สูงเฉียบพลัน 2-7 วัน (มักมีไข้สูงลอย 39-40 องศาเซลเซียส) ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อและข้อ อาจมีผื่นแดงตามตัว มีเลือดออกตามผิวหนัง เช่น จุดเลือดออก เลือดกำเดาไหล ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการช็อก เลือดออกในอวัยวะภายใน และอาจเสียชีวิตได้ โดยข้อมูลของคนไทย พบว่า

- 70% ของผู้ป่วยไข้เลือดออกเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี1

- คนไทยกว่า 70% ของคนไทยเคยเป็นไข้เลือดออกแต่ไม่รู้ตัว และหากเป็นซ้ำอาการอาจจะรุนแรงขึ้น2

- ผู้ใหญ่ที่เป็นไข้เลือดออกมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าเด็ก 2-3 เท่า3

- ผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออก 80% เป็นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ3

- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ภาวะช็อก ภาวะหัวใจล้มเหลว และมีโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้น4

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกีโดยตรง การรักษาจึงเป็นเพียงการประคับประคองตามอาการเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไข้เลือดออกยังคงเป็นภัยคุกคามสุขภาพที่น่ากลัวในทุกยุคสมัยโดยเฉพาะเมื่อฤดูฝนมาเยือน ดังนั้นการเตรียมพร้อมรับมืออย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเราเอง แต่ยังเพื่อคนที่เรารักด้วย ไม่ว่าจะการปฏิบัติตามแนวทาง 3ก. เก็บน้ำ เก็บบ้าน เก็บขยะ 5ป. ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนน้ำทุกวัน เป็นต้น ป้องกันยุงกัดด้วยยากันยุง กำจัดแหล่งยุงเกิดด้วยการทำลายแหล่งน้ำขัง เช่นในกระถางต้นไม้ ควบคู่ไปกับการประเมินความเสี่ยงของตนเองทั้งในเรื่องวิถีชีวิต และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งมีส่วนช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ ทั้งยังช่วยลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ถึง 80-90%* สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ ลดโอกาสที่จะเกิดอาการรุนแรง ซึ่งวิธีที่บอกไปข้างต้นไม่เพียงจะปกป้องตัวคุณเอง แต่ยังช่วยปกป้องคนใกล้ชิดจากการกลายเป็น "ไข้เลือดออกมือสอง" อีกด้วย โดยผู้สนใจสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน (*คำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โดยสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2568)

อย่านิ่งนอนใจกับยุงตัวเล็กๆ ที่บินวนในบ้าน เพราะภัยร้ายจากมันอาจรุนแรงกว่าที่คิด การลงมือป้องกันตั้งแต่วันนี้ ย่อมดีกว่ารอให้สายเกินไป เมื่อเราใส่ใจป้องกันอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่จะห่างไกลจากไข้เลือดออก แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้ใครต้องกลายเป็น "ไข้เลือดออกมือสอง" และทนทุกข์ทรมานใจจากความเจ็บป่วยของคนที่รัก

ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4kWrvre

***ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับประชาชนเป็นการทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลนี้ไม่ควรถูกนำไปใช้เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาปัญหาสุขภาพหรือโรคใด ๆ การให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการทดแทนการปรึกษากับผู้ให้บริการทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของท่านสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม ประสบการณ์ของแต่ละบุคคลเกี่ยวกับไข้เลือดออกอาจแตกต่างกันออกไป

ข้อมูลอ้างอิง:

1 สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.รายงานการเฝ้าระวังโรค

2 Vandepitte WP, Chaweethamawat A, Yoksan S. Seroprevalence of neutralizing antibody against dengue virus in healthcare workers in Bangkok, Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2019;50(5):816–24.

3 National Disease Surveillance (Report 506). Bureau of Epidemiology, Department of Disease of Control, MoPH, Thailand. 2024 is YTD case, accessed 7 FEB 2025.

4 Chia-En Lien et al. published the article "A Population-Based Cohort Study on Chronic Comorbidity Risk Factors for Adverse Dengue Outcomes" in The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene, Volume 105, Issue 6, 2021. pages 1544-1551.

C-ANPROM/TH/DENV/0904: Jun 2025