“ปัสสาวะบ่อย ปวดแสบตอนปัสสาวะ มีอาการหน่วงท้องน้อย” ถ้าใครเคยมีอาการแบบนี้ อาจกำลังเผชิญกับ “โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โดยไม่รู้ตัว! โรคนี้พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะท่อปัสสาวะสั้นกว่า และติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ง่ายกว่า

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะ E. coli ที่มาจากทางเดินอาหารหรือช่องคลอด แล้วเล็ดลอดย้อนขึ้นเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบตามมา

ใครบ้างที่เสี่ยง?

คนที่เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่ ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ผู้ที่ดื่มน้ำน้อยและชอบกลั้นปัสสาวะนาน ๆ ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในไต ต่อมลูกหมากโต

อาการสังเกตได้ง่าย

• ปวดแสบหรือขัดเวลาปัสสาวะ
• ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้อย
• ปวดหน่วงท้องน้อย
• ปัสสาวะมีกลิ่นแรงหรือขุ่น
• ปัสสาวะมีเลือดปน
• บางรายอาจมีไข้สูงหนาวสั่น ถ้าเชื้อโรคลุกลามถึงไต

วิธีรักษา

ไม่ยาก เพียงแค่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษา ควรดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าลืมกินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ที่สำคัญไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะทานเอง เพราะจะมีความเสี่ยงต่อภาวะดื้อยา

ถ้าปล่อยไว้ จะเป็นอะไร?

เชื้อโรคอาจลุกลามไปถึงไต ทำให้เกิด “กรวยไตอักเสบ” ซึ่งอันตรายกว่ามาก อาจมีไข้สูง หนาวสั่น และถึงขั้นไตวาย หรือติดเชื้อในกระแสเลือดได้

...

เคล็ดลับป้องกันง่าย ๆ

1. ดื่มน้ำวันละ 6–8 แก้ว

2. ไม่กลั้นปัสสาวะ

3. ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์

4. เช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังจากถ่ายอุจจาระ (โดยเฉพาะผู้หญิง)

5. หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ระงับกลิ่นหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ป้องกันได้ อย่าปล่อยให้พฤติกรรมเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ (โดยเฉพาะการกลั้นปัสสาวะในผู้หญิง) ดูแลสุขภาพในวันนี้ เพื่อมีสุขภาพที่ดีในทุกวัน

แหล่งข้อมูล
รศ. นพ.ชินเขต เกษสุวรรณ สาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล