ในช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้งในปี 2568 แม้ว่าจะมีอาการไม่รุนแรงมาก แต่กลุ่มเสี่ยงก็ยังต้องระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ผู้ที่หายป่วยแล้วบางรายอาจมีอาการลองโควิดหลงเหลืออยู่ ซึ่งแต่ละบุคคลจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) เรียกอาการที่เกิดขึ้นหลังจากหายป่วยโควิด-19 ว่า “ภาวะลอง โควิด” (Long COVID) หรืออาการหลงเหลือของเชื้อโควิด-19 ระยะยาว ซึ่งสามารถพบภาวะนี้ได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากหายป่วยในช่วง 1-3 เดือนแรก พบได้ร้อยละ 30-50 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 จึงไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจแต่อย่างใด
อาการลองโควิด
นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา เผยว่าอาการของ “ภาวะลองโควิด” แสดงออกได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกัน ไม่มีลักษณะตายตัว เช่น
- ไอ
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- การรับรู้กลิ่นหรือรสชาติลดลง
- เจ็บหน้าอก
- หายใจไม่อิ่ม
- เหนื่อยล้า
- ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ
- ท้องเสีย
...
เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และบางรายอาจมีอาการทางจิตใจ เช่น วิตกกังวล สมาธิสั้นลง หรือซึมเศร้าร่วมด้วย
กลุ่มเสี่ยงลองโควิด
ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีแดงหรือผู้ป่วยที่มีอาการป่วยรุนแรง จะมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดสูงกว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อย เนื่องจากอาจมีปัจจัยเรื่องความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงป่วยเป็นโรคโควิด-19 จึงส่งผลต่อเนื่องอาจยาวนาน 3-6 เดือนได้กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะลองโควิดด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ด้วย เช่น โรคหอบหืด และผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งผู้ที่หายป่วยแล้วไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด
หากผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้วยังมีอาการที่กล่าวมา แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากบางรายอาจเป็นผลจากตัวยาที่ใช้ในการรักษา หรือบางรายอาจจะมีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย จึงต้องมีการตรวจเพิ่มเติมและทำการรักษาให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าในผู้หายป่วยแล้วบางรายอาจจะติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ต่างไปจากสายพันธุ์เดิม แต่อาจไม่แสดงอาการชัดเจน
ดังนั้นผู้ป่วยโควิด-19 แม้หายป่วยแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ เช่น
- ใส่หน้ากากอนามัย
- หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
- เลี่ยงแหล่งชุมชนแออัด หรือสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422