ไข้เลือดออกรุนแรงมีอาการแบบไหน แตกต่างจากไข้เลือดออกทั่วไปอย่างไร แล้วมีวิธีป้องกันรักษาอย่างไร เป็นคำถามที่หลายคนสนใจอีกครั้ง หลังมีข่าวเศร้าล่าสุดที่ กุ้ง สุธิราช สูญเสียน้องสาวจากโรคไข้เลือดออกรุนแรง
วิธีสังเกตอาการไข้เลือดออกรุนแรงนั้น จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไข้เลือดออก จะมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการเลย จะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่เป็นไข้เลือดออกรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เป็นไข้เลือดออกแบบไหน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า หลังรับเชื้อไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะ จะเริ่มมีอาการ 4–10 วันหลังการติดเชื้อ และมีอาการ 2–7 วัน ดังนี้
- ไข้สูง 40°C
- ปวดหัวรุนแรง
- เจ็บปวดหลังดวงตา
- ปวดกล้ามเนื้อและข้อ
- คลื่นไส้อาเจียน
- มีผื่นแดง
อาการของผู้ที่เป็นไข้เลือดออกรุนแรง
ผู้ที่เสี่ยงเป็นไข้เลือดออกรุนแรง เกิดจากติดเชื้อไข้เลือดออกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งอาการไข้เลือดออกรุนแรงจะเกิดขึ้นหลังจากไข้หายแล้ว โดยผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้
- ปวดท้องรุนแรง
- อาเจียนต่อเนื่อง
- การหายใจเร็ว
- เลือดออกเหงือกหรือจมูก
- เหนื่อยล้า
- กระสับกระส่าย
- อาเจียนหรืออุจจาระมีเลือด
- กระหายน้ำมาก
- ผิวซีดและเย็น
...
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าผู้ที่มีอาการไข้เลือดออกรุนแรง ให้พบแพทย์ทันที จะเห็นว่าไข้เลือดออกยังเป็นโรคที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอาการไข้เลือดออกรุนแรง
ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 1 ม.ค. - 27 พ.ค. 2568 ตามข้อมูลที่คณะโฆษกกรมควบคุมโรคแถลงเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา 2.9 เท่า แต่ยังพบอัตราป่วยสูงทางภาคใต้ และอัตราป่วยตายสะสมสูง โดยพบผู้ป่วย 11,198 ราย เสียชีวิต 14 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มวัยเรียน แต่อัตราป่วยตายสูงในกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป
วิธีป้องกันไข้เลือดออก กรมควบคุมแนะนำให้ผู้ที่ค้างคืนในป่าเขา ไร่นา ต้องนอนในมุ้ง หรือหามุ้งคลุมเปล ทายากันยุง ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด
สำหรับโรงเรียนแนะนำให้ทำความสะอาดห้องเรียนไม่ให้มีมุมมืด สำรวจและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย หาฝาปิดถังรองน้ำ หรือใส่ทรายกำจัดลูกน้ำ เทน้ำขัง ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน