จากข้อมูลการประเมินสุขภาพจิตของคนไทย ของกรมสุขภาพจิต ที่มีผู้ทำแบบทดสอบสุขภาพจิต เฉพาะตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 - 23 พ.ค. 2568 ทั้งหมด 545,492 คน พบผู้ทำแบบทดสอบจำนวน 50,378 คน หรือคิดเป็น 9.24% เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า และมีจำนวน 47,841 คน หรือคิดเป็น 8.77% มีความเครียดสูง

หากย้อนหลังไปดูข้อมูลการตอบแบบประเมินตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563 - 23 พ.ค. 2568 ทั้งหมด 6,374,359 คน พบผู้ทำแบบทดสอบจำนวนมากเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า และมีความเครียดสูงรวมกว่า 1 ล้านคน โดยแบบทดสอบความเครียด 5 ข้อ ที่ถามเกี่ยวกับความเครียดที่ส่งผลต่อการนอน สมาธิ ความเบื่อเซ็ง พบว่า คนไทยมีความเครียดระดับมากถึงมากที่สุดจำนวน 494,077 คน คิดเป็น 7.7% ของผู้ทำแบบทดสอบ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ส่วนผู้ที่ทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้า 9 ข้อ (Patient Health Questionnaire: PHQ-9) มีผู้ตอบเข้าข่ายเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า 572,883 คน คิดเป็น 8.99% ของผู้ตอบแบบประเมิน แบ่งเป็น

  • กลุ่มที่เสี่ยงน้อยจำนวน 333,183 คน คิดเป็น 5.23%
  • กลุ่มเสี่ยงปานกลาง 167,263 คน คิดเป็น 2.62%
  • กลุ่มเสี่ยงรุนแรง 72,437 คน คิดเป็น 1.14%

...

แบบทดสอบโรคซึมเศร้า เป็นแบบประเมินอาการเบื้องต้นว่า ผู้ตอบมีความเสี่ยงอาการโรคซึมเศร้าหรือไม่ ผ่านแบบทดสอบโรคซึมเศร้า 9 ข้อ เป็นคำถามให้ตอบระดับคะแนนมากหรือน้อย ด้วยคำถามเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรมประจำวันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น มีความรู้สึกเบื่อ รู้สึกท้อแท้ นอนไม่หลับ หรือไม่เป็นต้น นอกจากบททดสอบของกรมสุขภาพจิตแล้วผู้ที่ต้องการทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้า ยังสามารถเลือกทำได้จากหลายโรงพยาบาลที่ให้บริการ โดยส่วนใหญ่อ้างอิงแบบทดสอบจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผู้สนใจทำแบบทดสอบสามารถคลิกได้ที่ลิงก์นี้ 

สำหรับผลการทำแบบทดสอบ และประมวลผลคำตอบของแต่ละคนนั้นจะมีอาการ และคำแนะนำต่างกัน ตั้งแต่ไม่มีอาการ มีอาการเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง ดังนี้

1. หากมีอาการซึมเศร้าระดับเล็กน้อย 

แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย พบปะเพื่อนฝูง และควรทำแบบประเมินอีกครั้งใน 1 สัปดาห์

2. ท่านมีอาการซึมเศร้าระดับปานกลาง

มีข้อแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย พบปะเพื่อนฝูง ควรขอคำปรึกษาช่วยเหลือจากผู้ที่ไว้วางใจ ไม่จมอยู่กับปัญหา มองหาหนทางคลี่คลาย หากอาการที่ท่านเป็นมีผลกระทบต่อการทำงานหรือการเข้าสังคม (อาการซึมเศร้าทำให้ท่านมีปัญหาในการทำงาน การดูแลสิ่งต่างๆ ในบ้าน หรือการเข้ากับผู้คน ในระดับมากถึงมากที่สุด) หรือหากท่านมีอาการระดับนี้มานาน 1-2 สัปดาห์แล้วยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการช่วยเหลือรักษา

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

3. หากมีอาการซึมเศร้าระดับรุนแรงค่อนข้างมาก

ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและให้การรักษา ระหว่างนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ได้ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายเบาๆ ทำกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย ไม่เก็บตัว และควรขอคำปรึกษาช่วยเหลือจากผู้ใกล้ชิด

นอกจากนี้มีผู้ที่ทำแบบประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 8 คำถาม พบว่าจำนวน 6,049,598 คน หรือ 94.91% ไม่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ส่วนที่มีความเสี่ยงจำนวน 324,761 คน คิดเป็น 5.09%

ทั้งนี้กรมสุขภาพจิตได้เปิดช่องทางรับคำปรึกษา โดยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง