สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันกำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้ออกมาเตือนถึงการกลับมาป่วยเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยโควิด-19
โควิด 2568 มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึง 8,446 รายระหว่างวันที่ 27 เมษายนถึง 3 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุด รองลงมาคือชลบุรี นนทบุรี ระยอง และสมุทรปราการ
ยิ่งในช่วงรอยต่อของฤดูนั้น อาจทำให้ผู้ป่วยมีความสงสัยถึงความแตกต่างระหว่างโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยอย่างไข้หวัดใหญ่ (Influenza) และโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ว่าตนเองนั้นป่วยเนื่องจากสาเหตุใด
อาการของโควิด และไข้หวัดใหญ่ที่สามารถพบได้ร่วมกัน
- ไข้: มักมีไข้สูงในไข้หวัดใหญ่ ซึ่งความแตกต่างจากอาการไข้ในโควิด-19 อาจจะมีได้ตั้งแต่ไข้ต่ำๆ ไปจนถึงไข้สูง หรือบางรายอาจไม่มีไข้เลย
- ไอ: พบได้ทั้งสองโรค โดยไอในไข้หวัดใหญ่มักเป็นไอแห้ง ในขณะที่โควิด-19 อาจมีทั้งไอแห้งและไอมีเสมหะ
- เจ็บคอ: เป็นอาการที่พบได้เหมือนกันของทั้งสองโรค
- ปวดเมื่อยตามตัว: อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและปวดศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งสองภาวะ โดยในไข้หวัดใหญ่มักมีอาการปวดเมื่อยที่รุนแรงกว่าโควิด-19
- อ่อนเพลีย: อาการอ่อนเพลียสามารถพบได้ในทั้งสองโรค และอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไป
- คัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล: เป็นอาการที่พบได้บ่อยในไข้หวัดใหญ่ และมักพบในโควิด-19 น้อยกว่า

...
ความแตกต่างของอาการโควิด และไข้หวัดใหญ่
- การสูญเสียการรับรสและกลิ่น: เป็นอาการที่จำเพาะต่อโควิด-19 มากกว่าไข้หวัดใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกราย แต่หากมีอาการนี้ร่วมกับอาการอื่นๆ จะช่วยให้สงสัยโควิด-19 มากขึ้น
- อาการเหนื่อยหอบหรือหายใจลำบาก: พบได้บ่อยและรุนแรงกว่าในผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการรุนแรง ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่มักไม่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าว ยกเว้นในกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อน
- ระยะเวลาการแสดงอาการ: อาการของไข้หวัดใหญ่มักจะปรากฏค่อนข้างเร็ว ภายใน 1-4 วันหลังสัมผัสเชื้อ ในขณะที่อาการของโควิด-19 อาจปรากฏช้ากว่า คือประมาณ 2-14 วันหลังสัมผัสเชื้อ
- ความรุนแรงของโรคโดยทั่วไปแล้ว: ไข้หวัดใหญ่มักมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิด-19 และมีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโรคสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
- ระยะเวลาการแพร่เชื้อ: ผู้ป่วยโควิด-19 อาจแพร่เชื้อได้นานกว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
แม้ว่าทั้งสองโรคจะมีอาการแสดงที่คล้ายคลึงกันในหลายประการ แต่ความแตกต่างในด้านลักษณะของเชื้อโรค กลไกการแพร่ระบาด ความรุนแรงของโรค และแนวทางการจัดการรักษา จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อการดูแลสุขภาพตนเองและป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจหาเชื้อไวรัสด้วยวิธี RT-PCR หรือชุดตรวจ Antigen Test โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโรคใดโรคหนึ่ง การทราบผลตรวจจะช่วยให้สามารถจัดการและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างเหมาะสม หากมีอาการที่น่าสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการที่น่าสงสัยจากโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่
ผู้ป่วย และคนกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดให้มาก การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น และการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือมีไข้สูงต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การได้รับวัคซีนป้องกันทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ยังคงเป็นมาตรการสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคและความรุนแรงของอาการ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีการป้องกันกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก นักเรียน ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยในโรงพยาบาล และเรียกร้องให้สถานศึกษา สถานดูแลเด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาล ดำเนินมาตรการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
ข้อมูล : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, World Health Organization