จากเหตุการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวสาวชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี เดินทางไปใช้บริการฉีดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ไหมน้ำที่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคจนทำให้เธอตาบอดถาวร เรื่องนี้เป็นกระแสที่ทำให้คนชอบดูแลผิวด้วยหัตถการต่างๆ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ แล้วเราควรจะมีวิธีระวังตัวเองอย่างไร

ไหมน้ำคืออะไร ปลอดภัยจริงไหม

ไหมน้ำ หรือ Collagen Biostimulator คือนวัตกรรมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังให้มากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับของใบหน้า โดยใช้วัสดุแบบเดียวกับการร้อยไหม แต่ปรับให้อยู่ในรูปแบบผงโมเลกุลขนาดเล็กแล้วนำมาละลายในน้ำ Sterile Water เพื่อฉีดเข้าผิวหนัง จึงเรียกว่าไหมน้ำ

ปัจจุบันไหมน้ำมีหลายชนิด หลายแบบด้วยกัน ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกันไป นอกจากช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวพรรณเต็มขึ้นแล้ว บางชนิดยังช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือเป็นภูมิแพ้ได้ ซึ่งมีจุดเด่นที่ตรงที่ไม่ทำให้บริเวณใต้ตาเป็นก้อนเหมือนการฉีดฟิลเลอร์

รวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยในบริเวณที่การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินไม่สามารถเข้าถึงได้ แก้ไขปัญหารูขุมขนกว้างให้เล็กลง และเสริมความแข็งแรงให้ผิวมากขึ้น

แม้ว่าหลายที่จะบอกว่าการฉีดไหมน้ำมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นการฉีดสารชนิดใดเข้าร่างกายก็ตาม หากฉีดผิดพลาดไปโดนเส้นเลือดก็ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เช่นเดียวกับกรณีดังกล่าว ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากเทคนิคการฉีดและไม่รีบส่งต่อไปรักษา

...

อาการเมื่อฉีดไหมน้ำโดนเส้นเลือด

หมอหยก - พญ. ฉัตรบงกช เขมาชีวะกุล (ว.35619) จาก Skin Dream Clinic และ Merz Aesthetics Med Friend เผยว่าในกรณีที่สารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไหมน้ำ ฟิลเลอร์ ฉีดโดนเส้นเลือดของเราจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • หากฉีดเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่จอประสาทตาจะมีอาการตามองไม่เห็นทันที
  • ปวดมากขึ้นมาทันที
  • ผิวซีด ขาว 
  • มีตาข่ายเส้นเลือดล้อมรอบบริเวณที่ฉีด
  • มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้น
  • ผิวบริเวณนั้นดูช้ำ บวม ปวดกว่าปกติในวันถัดมา

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นขณะทำหัตถการให้รีบแจ้งแพทย์และหยุดฉีดทันทีเพื่อตรวจเช็กอาการ

“หากสงสัยว่าเข้าเส้นเลือดจริงก็จะมีไกด์ไลน์เป็นมาตรฐาน ว่าจะต้องมีการประคบอุ่นมีการนวด หากฉีดฟิลเลอร์จะมีตัวยาสลายโดยเฉพาะ และต้องติดตามอาการคนไข้ทุก 15-30 นาที ว่าอาการที่เส้นเลือดอุดตันดีขึ้นไหม ถ้าหากเป็นอาการทางตาจะต้องรีบส่งคนไข้ให้จักษุแพทย์ภายใน 60-90 นาที ซึ่งเป็น Golden Period ช่วงเวลาสำคัญที่จะรักษาแล้วทำให้จอประสาทตากลับมามองเห็นได้ปกติ” พญ. ฉัตรบงกช กล่าว

หมอหยก - พญ. ฉัตรบงกช เขมาชีวะกุล (ว.35619) จาก Skin Dream Clinic และ Merz Aesthetics Med Friend
หมอหยก - พญ. ฉัตรบงกช เขมาชีวะกุล (ว.35619) จาก Skin Dream Clinic และ Merz Aesthetics Med Friend

ด้าน พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร หรือหมออุ๋ม แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง แนะนำวิธีแก้ด้วยการนวดแบบ Ocular massage ซึ่งอ้างอิงจากหนังสือ Injectable filler complications prevention and management ของ พญ.วิไล ธนสารอักษร ไว้ดังนี้

  1. นอนราบ
  2. หลับตา ใช้นิ้วกดลูกตาบริเวณหนังตาบน ให้ตายุบลง 2-3 มิลลิเมตร นาน 5 วินาที
  3. ปล่อยมือทันที รอ 5 นาทีแล้วกดซ้ำ
  4. ทำต่อเนื่อง 5 นาที และพัก เป็นรอบทุก 5 นาที

เมื่อมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นต้องรีบทำทันที และควรทำต่อเนื่องไม่หยุด จนกว่าจะได้พบจักษุแพทย์ ที่ผ่านมามีเคสในไทยที่ทำวิธีดังกล่าวแล้วสามารถแก้ไขได้จริง 2 ราย โดยรายแรกใช้เวลา 6 ชั่วโมงจึงกลับมามองเห็น รายที่สองใช้เวลา 4.5 ชั่วโมงจึงกลับมามองเห็น

หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ไขด้วยการฉีดตัวยาที่มีสารสลายฟิลเลอร์ได้ แต่ในกรณีที่ฉีดไหมน้ำจะไม่มีตัวยาสลายโดยตรง ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลที่มีจักษุแพทย์ทันทีภายในเวลาไม่เกิน 90 นาที

อยากสวยให้ปลอดภัยควรทำอย่างไร

ทุกการทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดไหมน้ำ การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน รวมถึงสารอื่นๆ บนใบหน้า แม้ว่าจะมีคุณสมบัติดีมากมายที่ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะทำการฉีดสารใดๆ บนใบหน้า เราควรมีวิธีป้องกันตัวเองไว้เบื้องต้นดังนี้

  1. ตรวจสอบชื่อยา พร้อมขอดูกล่องก่อนฉีด ต้องเห็นชื่อชัดเจน เป็นกล่องใหม่ บางยี่ห้อมี QR code ให้เช็ก
  2. ฉีดกับแพทย์ที่จบเฉพาะทางเท่านั้นและมีประสบการณ์ฉีดสูง โดยตรวจสอบรายชื่อแพทย์ก่อนตัดสินใจทำหัตถการทุกครั้งผ่านทางเว็บไซต์แพทยสภา https://checkmd.tmc.or.th/ 
  3. พยายามเลี่ยงการฉีดในบริเวณกลางหน้าซึ่งเป็นจุดเสี่ยง เช่น ระหว่างคิ้ว, หน้าผาก, จมูก เนื่องจากเส้นเลือดบริเวณนี้มีโอกาสที่จะเชื่อมเข้ากับเส้นเลือดบริเวณตาและบริเวณสมอง
  4. สังเกตอาการตัวเองขณะทำและหลังทำหัตถการ หากมีอาการแปลก ต้องแจ้งทันที

...

บริเวณกลางหน้า เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และจมูก เป็นจุดเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงในการฉีดสารต่างๆ (ภาพจาก iStock)
บริเวณกลางหน้า เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และจมูก เป็นจุดเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงในการฉีดสารต่างๆ (ภาพจาก iStock)

นอกจากนี้ การใช้บริการกับคลินิกหรือแพทย์ในต่างประเทศยังมีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้บริการในประเทศ นอกจากปัญหาเรื่องการสื่อสารที่อาจเข้าใจไม่ตรงกันได้แล้ว ยังตรวจสอบใบอนุญาตของคลินิกหรือแพทย์ได้ยากกว่า สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำประกันเดินทางที่ครอบคลุมเรื่องการรักษาพยาบาลไว้ก็ไม่สามารถเคลมค่ารักษาได้อีกด้วย