หลักการที่สำคัญช่วงแรกคือการช่วยให้ผู้คนเกิดความรู้สึกปลอดภัย (safety) และกลับมาตั้งหลักให้ได้ โดยมีหลักการดังนี้

1. ดูแล basic needs เช่น อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ให้เพียงพอก่อนเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยในการมีปัจจัยพื้นฐานและความปลอดภัยทางใจ

2. การช่วยเหลือทางด้านจิตใจ อาจเริ่มต้นจากการสำรวจว่าตัวเราได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และคนรอบ ๆ ตัวที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด

3. ช่วงแรกผู้คนที่ประสบภัยอาจมีความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย เช่น กลัว กังวล โกรธ เสียใจ สิ้นหวัง ท้อแท้ ฯลฯ รวมถึงความคิดต่าง ๆ ในด้านลบ เช่น

- เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ถ้าเกิดขึ้นอีกจะอันตรายมากไหม
- รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย
- คนรอบ ๆ ตัวจะเป็นอย่างไร และคิดถึงเรื่องร้าย ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ดังนั้นในการช่วยเหลือทางด้านจิตใจ อาจมีพื้นที่ให้ผู้คนได้แสดงความรู้สึกต่าง ๆ และมีคนคอย support เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย

หากความรู้สึกท่วมท้นมาก อาจกลับมารู้สึกที่ร่างกาย โดยการเคลื่อนไหวหรือขยับเนื้อขยับตัว หรือการกลับมาอยู่กับลมหายใจ เพื่อให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน หรือเบี่ยงเบนความคิดไปนึกถึงเรื่องที่ให้ใจสงบและผ่อนคลายขึ้น

...

4. มีข้อควรระวังคือการให้ผู้ประสบภัยเล่าหรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ประสบภัยซ้ำ ๆ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดความบอบช้ำทางใจเพิ่มเติมได้ อีกตัวอย่างหนึ่งที่อาจทำให้เกิดความบอบช้ำใจซ้ำ ๆ คือการเสพข่าวที่มีผลต่อจิตใจซ้ำ ๆ ดังนั้นควรมีการติดตามข่าวต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เช่น จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ไม่เสพข่าวที่ทำให้เกิดความเครียดซ้ำ ๆ เสพข่าวแต่พอดีเท่าที่จำเป็น

5. หากความทุกข์ทางใจเริ่มส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรืออารมณ์เศร้าชัดเจน จนส่งผลให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล
รศ. นพ. พิชัย อิฏฐสกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม