ในยุคที่ธุรกิจความงามเติบโตอย่างรวดเร็ว การแข่งขันก็ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คลินิกและสถาบันความงามต่างต้องเร่งสร้างความแตกต่าง ดึงดูดลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิม ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัลก็ทำให้การตลาดแบบเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
ท่ามกลางความท้าทายนี้ เทคโนโลยี AI ได้เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับวงการเสริมความงาม ทั้งในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การสร้างแคมเปญการตลาดที่เฉพาะเจาะจง ไปจนถึงการพัฒนาระบบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตามการนำ AI มาใช้ในการสื่อสารและให้บริการ แม้จะช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพแต่ก็อาจทำให้ความอบอุ่นและความไว้วางใจที่เกิดจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ลดลง ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความผูกพันและความพึงพอใจของลูกค้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจบริการที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความละเอียดอ่อน และการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
แล้วเราจะมองหาความพอดีได้อย่างไร? คำตอบของเรื่องนี้ “เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย” ได้บอกเล่าไว้อย่างน่าสนใจในงาน Thailand Aesthetics Business Forum (TABF) 2025 “AI : Aesthetics Intelligence”
เมื่อการตลาดและนวัตกรรมต้องมาพร้อม “Human Touch”
สำหรับผู้อยู่ในแวดวงความงาม หากเอ่ยชื่องาน TABF ขึ้นมาก็น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะนี่คือเวทีเสวนาสำคัญที่ทางด้านของ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย จัดอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงต้นปีเพื่ออัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับนักการตลาดและพาร์ตเนอร์ในวงการความงาม โดยในปีนี้งาน Thailand Aesthetics Business Forum (TABF) 2025 ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ผ่านมา ณ โรงแรม Eastin Grand Hotel Phayathai ภายใต้หัวข้อ "AI : Aesthetics Intelligence" โดยได้รับเกียรติจากกูรูในวงการการตลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI และเจ้าของธุรกิจความงามตัวจริงที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแง่มุมต่างๆ ที่จะสามารถช่วยผู้เข้าร่วมเสวนานำไปต่อยอด โดยมุ่งเน้นการอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ในปี 2025 และ Consumer Insight ที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล รวมไปถึงประเด็นสำคัญที่สุดคือการประยุกต์ใช้งาน AI ในการยกระดับธุรกิจความงามในรูปแบบต่างๆ
สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ เมิร์ซ เอสเธติกส์ เชื่อมั่นว่าแม้ AI จะเป็นเครื่องมือทรงพลังในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ แต่หัวใจสำคัญของความสำเร็จในวงการความงามยังคงอยู่ที่ "การเข้าใจคน" (Human Touch) การจัดงานครั้งนี้จึงให้ความสำคัญกับการนำเสนอวิธีการใช้ AI เป็นตัวช่วยในการทำความเข้าใจลูกค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงใจ ไปจนถึงการพัฒนาแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่ละเลยมิติความเป็นมนุษย์ในการให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอกรณีศึกษาจากคลินิกและสถาบันความงามชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการผสานการทำงานระหว่าง AI และการให้บริการที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
โดย เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ หัวเรือใหญ่ของบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ได้กล่าวในช่วงของการเปิดงานครั้งนี้เอาไว้ว่า “เมิร์ซเรามีเป้าหมายในเรื่องของ ‘Confidence to be’ เรามีพันธกิจในเรื่องของความมั่นใจ ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เมิร์ซแล้วทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ แต่มันจะเป็นเรื่องของทำให้นักการตลาดที่เป็นพาร์ตเนอร์ของเรามีความมั่นใจ มีเครื่องไม้เครื่องมือในการที่จะทำให้ธุรกิจทุกท่านเติบโต งานในวันนี้มันเป็นเหมือนอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่จะมาเติมเต็มการเติบโต ให้ทุกท่านได้จับเทรนด์ AI บาลานซ์ Human Touch และ Consumer Insight เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจของทุกๆ คน”
Content Shifu เผย การเข้าใจตนเองและเข้าใจลูกค้าของเราคือเรื่องสำคัญที่สุด
เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการทำการตลาดแบบที่ต้องคำนึงถึง “Human Touch” ทางด้านของ แบงค์-สิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ เจ้าของเพจ "Content Shifu" ผู้เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในแวดวงการทำตลาดออนไลน์ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นที่น่าสนใจ โดยระบุว่า “เทรนด์เป็นสิ่งที่ฟังให้รู้ แต่เรื่องพื้นฐานก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ” ซึ่งเรื่องพื้นฐานที่ แบงค์-สิทธินันท์ เอ่ยนั้น หมายถึงการเข้าใจ Core Value ของตนเองว่าธุรกิจเราเป็นอย่างไร มีความโดดเด่นที่ตรงไหน และที่สำคัญที่สุดคือเข้าใจว่า “ลูกค้าเราคือใคร” เราจะสามารถส่งมอบคุณค่าอะไรให้ลูกค้าได้ จากนั้นจึงนำเอาวิธีการทางการตลาดมาจับ ซึ่งด้วยการมีพื้นฐานที่แข็งแรงก็จะทำให้เราสามารถ “ขี่คลื่นแห่งเทรนด์” ได้อย่างมั่นคงและไปได้ไกล
นอกจากนี้คุณแบงค์ยังหยิบเอาข้อมูลเทรนด์ล่าสุดในวงการการตลาดมาร่วมแชร์ แบ่งเป็น 8 หัวข้อ ได้แก่
1. ผู้บริโภค (Consumer) ซึ่งเราต้องเข้าหาให้ถูกทาง ต้องรู้ว่าลูกค้าเราอยู่ในแพลตฟอร์มไหน
2. กลยุทธ์ทางด้าน Digital (Digital Strategy) คือการเลือกว่าเราจะทำอะไร และจะไม่ทำอะไร มุ่งโฟกัสในสิ่งที่เราโดดเด่น
3. เทคโนโลยีทางการตลาด (MarTech) ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ง่ายและสะดวกให้ลองใช้งานมากมาย หัวใจสำคัญคือการเลือกใช้ให้ตอบโจทย์
4. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ จึงจำเป็นต้องเริ่มเรียนรู้เพื่อนำมาเสริมศักยภาพของธุรกิจให้ติดปีก
5. การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ดิจิทัล (Digital Advertising) โดยอุตสาหกรรมความงามมีการลงงบในส่วนนี้มากที่สุดมาสองปีซ้อน สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรม สื่อหลักจะเป็น เฟซบุ๊ก กูเกิล ตามมาด้วย ติ๊กต็อกที่กำลังมาแรง
6. ข้อมูล (Data) เทรนด์ล่าสุดในด้านข้อมูลจะเน้นที่ความสำคัญของ Zero-Party Data และ First-Party Data ซึ่งเป็นข้อมูลในส่วนที่ธุรกิจสามารถเก็บผลได้เอง เพื่อลดการพึ่งพา Third-Party Data ที่นับวันจะยิ่งแพง
7. การตลาดผ่านคอนเทนต์ (Content Marketing) ต้องมุ่งเน้นในส่วนที่ธุรกิจเราโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อทำให้เกิดความแตกต่างท่ามกลางมหาสมุทรแห่งคอนเทนต์ AI
8. การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media) โดยเนื้อหาที่ได้รับการตอบรับที่ดีที่สุดได้แก่เนื้อหาประเภทโพสต์ข้อความ ตามมาด้วยรูปภาพ
โดยทั้ง 8 เทรนด์ดังกล่าวล้วนเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ทำธุรกิจและนักการตลาด เข้าใจลูกค้ามากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ส่งมอบสิ่งที่เค้าต้องการได้อย่างใจถึงใจมากขึ้น ยิ่งในธุรกิจบริการเรื่องของ Human Touch ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
Ad Addict ระบุ ใช้ AI อย่างเดียวธุรกิจไปไม่รอด
ทางด้านของ เพิท-พงษ์ปิติ ผาสุขยืด ผู้ก่อตั้งเพจ "Ad Addict" เองก็มีความเห็นในประเด็น Human Touch คล้ายคลึงกัน โดยในงานนี้ เพิท-พงษ์ปิติ ผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน AI ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเคล็ดลับและแนวคิดการนำเอา AI มาตอบโจทย์การทำธุรกิจในแง่ของการเป็นผู้ช่วยที่จะทำให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น พร้อมส่งมอบทั้งบริการและสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างตรงใจ
เพิท-พงษ์ปิติ ระบุว่า ปัจจุบันโลกมีเครื่องมือ AI มหาศาล เราจึงต้องเลือกใช้งานให้ถูกกับสิ่งที่เราต้องการจะทำ กรณีงานเขียนก็อาจจะเลือกใช้ ChatGPT, Claude และ Gemini หากเป็นการสร้างสรรค์ภาพประกอบ Ad ก็อาจจะเป็น MidJourney, Stable Diffusion และ Dall.E ในขณะที่การใช้งาน AI เพื่อทำคลิปวิดีโอก็สามารถเป็นไปได้แล้วในปัจจุบัน เช่นเครื่องมือ Heygen ที่จะช่วยทำให้การสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมี AI ด้านเสียง เช่น Suno รวมไปถึง AI สำหรับการทำสไลด์นำเสนอเช่น Gamma เป็นต้น
เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในธุรกิจความงาม เพิท-พงษ์ปิติ ยังได้แบ่งปันเพิ่มเติมถึงหลักการ “IDEA” ซึ่งประกอบด้วย Ideate หรือการตั้งต้น ให้ AI ช่วยหาไอเดียเริ่มแรก, Develop การพัฒนาไอเดียที่มี, Execute การผลิตผลงานขึ้นมา และ Analyse ให้ AI ช่วยวิเคราะห์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแนวทางหลักๆ ในการใช้งาน AI โดย เพิท-พงษ์ปิติ ได้ฝากความเห็นทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า “แม้จะมีคำกล่าวว่าคนที่ใช้งาน AI เป็นจะมาแย่งงานคนที่ไม่ใช้ AI แต่สิ่งสำคัญกว่าคือคนที่ใช้แต่ AI ก็จะตกงานเช่นกัน” ซึ่งสะท้อนถึงการที่ผู้ประกอบธุรกิจควรมอง AI เป็นผู้ช่วยเพื่อให้เข้าใจลูกค้า ไม่ใช่ให้ AI เป็นหัวใจหลักของทุกอย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับงานบริการและแวดวงความงาม การปฏิสัมพันธ์กันอย่างมนุษย์ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
Classy Clinic บทสะท้อนความสำเร็จที่เกิดจากความใส่ใจ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีเรื่องราวความสำเร็จที่ถูกนำมาแบ่งปันให้ผู้เข้าฟังเสวนา โดยผู้ให้เกียรติร่วมแชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจก็คือ คุณหมอจูน-พญ.นันทนัช เดี่ยวสมบูรณ์ จาก "CLASSY Clinic" โดยคุณหมอจูนได้บอกเล่าถึงที่มาของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ "CLASSY Clinic" ว่าทางคลินิกให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ Human Touch แม้การมีเทคโนโลยีเข้ามาจะทำให้เราสร้างความไว้ใจกับลูกค้าได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามที่ Classy มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความจริงใจ เราใส่ใจลูกค้าทุกคน และให้ความสำคัญกับการออกแบบการดูแลรักษาเฉพาะบุคคล
คุณหมอจูนยังได้เล่าเพิ่มเติมว่า อีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่นับว่ามีส่วนต่อการเติบโตของ Classy Clinic อย่างยิ่ง ก็คือการสนับสนุนจากเมิร์ซในแทบจะทุกมิติ ทั้งในเรื่องของ Medical ที่นำเข้าตัวยาและผลิตภัณฑ์ระดับโลกเข้ามาทำให้ทั้งแพทย์และผู้เข้ารับบริการได้รับประโยชน์เต็มที่, ตลอดจนการจัด Workshop ดีๆ ให้ความรู้, การมี Hand-on ผลิตภัณฑ์เพื่อให้แพทย์เข้าใจสินค้า เพื่อนำไปใช้บริการได้ดีขึ้น และที่สำคัญมากคือโปรแกรม Customer Development Plan หรือ CDP ที่เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจเราในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาทักษะ การตลาด การสร้างความรู้จักของเราไปสู่วงกว้าง สะท้อนถึงคำกล่าวของ ภกญ. กิตติวรรณ รัตนจันทร์ หัวเรือใหญ่ของบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ที่ระบุว่า Human Touch คือหัวใจของความสำเร็จ และเมิร์ซเองได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วผ่านการให้ใจกับพาร์ตเนอร์ทุกคนอย่างแท้จริง
งาน TABF 2025 ในครั้งนี้ได้ตอกย้ำให้เห็นว่าความสำเร็จในธุรกิจความงามนั้นเกิดจากการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีและหัวใจของการบริการ ซึ่งการนำ AI และกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่มาใช้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ หรือการพัฒนาแคมเปญการตลาดที่แม่นยำ ล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง ตรงจุด จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการรักษาไว้ซึ่ง Human Touch ในทุกมิติของการบริการ ดังเช่นที่ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านความสำเร็จของพาร์ตเนอร์มากมาย ที่มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้าควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีอย่างสมดุล ซึ่งนี่คือแก่นแท้ของการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในธุรกิจความงาม