ในช่วงเดือนมกราคม 2568 นี้ มีการประกาศว่า มีการระบาดของไวรัสมาร์บวร์กในทวีปแอฟริกา โดยพบการระบาดที่ภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ประเทศแทนซาเนีย (Tanzania) อีกครั้ง หลังจากที่มีการระบาดในปี 2567 และสามารถควบคุมได้แล้ว
แม้ขณะนี้ ในประเทศไทยยังไม่มีรายงานการติดเชื้อในปี 2568 แต่มีผู้ที่เดินทางไปมาระหว่างประเทศค่อนข้างมาก อาจทำให้มีผู้ที่มีความเสี่ยงเดินทางเข้ามาในประเทศได้ ดังนั้นการทำความรู้จักโรคนี้ และเตรียมพร้อมรับมือ หากมีการระบาดจึงมีความจำเป็น
ไวรัสมาร์บวร์ก คือ อะไร
ไวรัสมาร์บวร์ก เป็นกลุ่มไข้ที่ทำให้เลือดออก ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โรคนี้เป็นโรคที่รุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 88 โดยค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2510 มีการแพร่ระบาดในประเทศเยอรมนี ในเมืองมาร์บวร์ก (Marburg) และแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) พร้อม ๆ กับที่พบในเมืองเบลเกรด (Belgrade) ประเทศเซอร์เบียร์
การระบาดครั้งแรกนั้น พบว่า มีความสัมพันธ์กับการการทำงานในห้องปฏิบัติการที่ใช้ลิงเขียวแอฟริกา สายพันธุ์ Cercopithecus aethiops ที่นำเข้ามาจากประเทศยูกันดา ต่อมา ยังมีเคสที่พบอีกในหลายประเทศแถบแอฟริกา
อาการและอาการแสดง ของไวรัสมาร์บวร์ก
หลังจากสัมผัสแล้ว จะมีระยะฟักตัว 2-21 วัน โดยมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะรุนแรง เจ็บคอ ถ่ายเหลว ท้องเสีย มีผื่นตามตัว ร่วมกับอาการเลือดออกประมาณวันที่ 5 หลังจากมีอาการ เช่น ถ่ายเป็นเลือด เลือดออกจากช่องคลอด เลือดออกตามไรฟัน หรืออาเจียนเป็นเลือดได้ หากเป็นมาก อาจทำให้เซลล์บางส่วนของอวัยวะภายในถูกทำลาย เกิดภาวะตับหรือไตวายได้ หากติดเชื้อในสมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง จะทำให้สับสน กระวนกระวายมากขึ้น บางรายพบการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายได้ในช่วงหลังของการติดเชื้อ
...
รายที่เสียชีวิตมักเป็นในช่วงวันที่ 8-9 หลังจากมีอาการ โดยมักเสียเลือดมาก จนเกิดภาวะช๊อกได้
ปัจจัยเสี่ยงไวรัสมาร์บวร์ก
ความเสี่ยง คือ สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก หรือ สัมผัสสิ่งของหรือพื้นผิวที่มีสารคัดหลั่งได้
การสัมผัสสัตว์พาหะ เช่น ค้างคาวผลไม้ (Fruit bat) ก็มีส่วนทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน โดยผู้ที่เดินทางหรือมีประวัติสัมผัสผู้เดินทางจากภูมิภาคแอฟริกากลาง อาจเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโรคต่อไป
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยทางอาการทางคลินิก สามารถทำได้ แต่ต้องแยกจากโรคที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ไข้ที่ทำให้เลือดออกได้จากไวรัสตัวอื่น ๆ โรคมาลาเรีย โรคไทฟอยด์ โรคติดเชื้อในสมอง
การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการสามารถทำได้ โดยใช้การตรวจภูมิคุ้มกันชนิดแอนติเจน แอนติบอดี้ การทำการวินิจฉัยทางโมเลกุลโดยวิธีพีซีอาร์ และการเพาะเชื้อไวรัสและแยกเซลล์ในห้องปฏิบัติการจำเพาะ
การรักษา ไวรัสมาร์บวร์ก
การรักษาในปัจจุบัน ยังไม่มียาหรือวัคซีนเฉพาะ จะเป็นการดูแลตามอาการ ช่วยเหลือแบบประคับประคอง ซึ่งหากได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น
การป้องกัน ไวรัสมาร์บวร์ก
1. ลดความเสี่ยงจากคนสู่คน โดยลดการสัมผัสผู้ป่วย หากพบผู้ที่สงสัยติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก ให้ส่งไปตรวจสอบที่สถานพยาบาลให้มากที่สุด
2. ลดความเสี่ยงในการสัมผัสค้างคาวผลไม้ โดยเฉพาะ การเข้าถ้ำหรือเหมืองนาน ๆ หากจำเป็นให้ใส่ชุดป้องกันมิดชิด รวมทั้งถุงมือ หลีกเลี่ยงการนำค้างคาวมาประกอบอาหาร หรือต้องทำให้สุกเท่านั้น
@@@@@@@@
แหล่งข้อมูล
อ. พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล