โรคลมชัก หรือที่มักจะเรียกว่าโรคลมบ้าหมู เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อย ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคลมชักกว่า 500,000 คน และเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ป่วยมักได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ไม่ถูกต้อง จากความเชื่อผิดๆ ในอดีต ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาว
โรคลมชัก (Epilepsy) เป็นภาวะที่สมองส่วนใดส่วนหนึ่งมีการส่งสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติออกมาพร้อมกันอย่างเฉียบพลัน ทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติชั่วคราว ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการชัก เกร็ง หรือกระตุก โดยระยะเวลาในการชักมักจะเป็นช่วงสั้นๆ และหลังจากนั้นผู้ป่วยจะกลับสู่ภาวะปกติ
อาการโรคลมชัก
หลายคนมักมีความเข้าใจว่าโรคลมชักมักจะมีอาการเกร็งกระตุกทั่วทั้งตัว แต่ในความจริงแล้วโรคลมชักสามารถแสดงอาการได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าความผิดปกตินั้นเกิดที่บริเวณสมองส่วนใด จึงทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าอาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการของโรคลมชัก เช่น
- เหม่อนิ่ง ตาลอย ไม่รู้สึกตัว
- ทำท่าทางซ้ำๆ เช่น การเคี้ยวปาก ขยำมือ ขยับส่วนต่างๆ ของร่างกายไปมาซ้ำๆ
- ความจำหายไปชั่วขณะ ซึ่งผู้ป่วยอาจจะรู้สึกได้แค่ว่า ความจำหายไป แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองในช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากมีคนอยู่ในเหตุการณ์อาจจะช่วยบอกได้ว่า เกิดอาการในทุกข้อที่กล่าวมาระหว่างมีอาการหรือไม่
- อาการตาเหลือก ซึ่งมักจะเหลือกไปด้านซ้ายหรือขวาด้านใดด้านหนึ่ง
- อาการวูบ ศีรษะตก ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนเป็นลมที่จะค่อย ๆ ล้มลง
- อาการชักผวา มักเจอในเด็กเล็กอายุเป็นหลักเดือน มีอาการชักสะดุ้งคล้ายอาการผวา ซึ่งอาจจะเห็นศีรษะผงก ไหล่ยกร่วมด้วย
- อาการหัวเราะคิกคักชั่วครู่ โดยไม่สัมพันธ์กับอารมณ์
- อาการปากคว่ำ เบะปาก ชั่วครู่ โดยไม่สัมพันธ์กับอารมณ์
- อาการกรีดร้อง หรือมีการเคลื่อนไหวของแขนขาลำตัวแบบรุนแรง เป็นระยะเวลาสั้นๆ
...
อาการเหล่านี้มักจะเกิดในช่วงระยะสั้นๆ เป็นวินาทีและอาจไม่เกิน 5 นาที ที่อาจแสดงถึงอาการของโรคลมชักหรือโรคอื่นๆ ได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคลมชักมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อมักจะเกิดขึ้นทั่วร่างกายทันที ถ้าผู้ป่วยยืนหรือนั่งอยู่จะล้มลงและร้อง อาจหยุดหายใจ และหน้าเขียว ผู้ป่วยจะกัดฟันแน่น กำมือตาเบิกกว้าง รูม่านตาขยาย และอยู่นิ่งๆ กินเวลา 30 วินาทีถึง 1 นาที จะเริ่มเข้าสู่ระยะชัก มีกล้ามเนื้อที่แขนขากระตุกเป็นจังหวะ กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่อยู่ อาจกัดริมฝีปาก ลิ้น หายใจกระตุกและมีเสียงดัง มีน้ำลายเป็นฟองไหลออกจากปาก
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยโรคลมชัก
ที่ผ่านมาเรามักถูกปลูกฝังความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ป่วยโรคลมชักว่าให้หาสิ่งของมายัดปากเพื่อป้องกันผู้ป่วยกัดลิ้นตัวเอง แต่ความจริงแล้วการปฏิบัติแบบนี้เป็นเรื่องผิดและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยฟันหักหรือสิ่งของหลุดเข้าคอแล้วไปอุดกั้นทางเดินหายใจจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมชักสามารถทำได้ดังนี้
- ห้ามนำสิ่งของใดๆ ก็ตามยัดปากผู้ป่วยพยายามจับผู้ป่วยนอนตะแคง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำลายอุดกั้นทางเดินหายใจ
- พยายามหาหมอนหรือสิ่งของนุ่มๆ วางรองศีรษะผู้ป่วย เพื่อป้องกันศีรษะกระแทก
- จับเวลา ถ้าชักนานเกิน 3 นาที ผู้ป่วยจะมีภาวะเสี่ยงต่อการชักต่อเนื่อง ควรรีบเรียกรถพยาบาลทันที
- ถ้าผู้ป่วยใส่เสื้อผ้ารัด หรือสวมเนกไท ควรปลดให้หลวมเพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
- ถ้าขณะชักผู้ป่วยใส่แว่นควรถอดออก เพื่อป้องกันแว่นแตก อาจทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บ
ดังนั้นหากพบผู้ป่วยที่มีอาการลมชัก ควรทำการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรแจ้ง 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง : ชมรมโรคลมชักเพื่อประชาชน ภายใต้สมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาลวิมุต, โรงพยาบาลพญาไท