หลายคนอาจคิดว่าโรคไข้หวัดใหญ่ไม่ได้มีความรุนแรงต่างจากไข้หวัดทั่วไปมากนัก แต่จากข่าวการเสียชีวิตของ ต้าเอส (สวีซีหยวน) นักแสดงชื่อดังชาวไต้หวัน อดีตนางเอกซีรีส์ รักใสใส หัวใจสี่ดวง ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันระหว่างเดินทางท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงความอันตรายของโรคนี้กันมากขึ้น

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เกิดจากเชื้ออินฟลูเอนซาไวรัส ซึ่งมี 3 ชนิด คือ A, B และ C สามารถแพร่กระจายผ่านทางเดินหายใจ สัมผัสละอองฝอย น้ำมูก น้ำลาย อาการไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ตาแดง

โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถหายป่วยได้เอง แต่ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงสู่การเป็นภาวะปอดอักเสบจนทำให้เสียชีวิตได้

จากไข้หวัดใหญ่สู่ภาวะปอดอักเสบ ภัยเงียบที่ต้องเฝ้าระวัง

ข้อมูลจากโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน เผยว่าภาวะปอดอักเสบ หรือ “ปอดบวม” เป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ร่างกายได้รับเข้าผ่านทางระบบทางเดินหายใจ โดยระดับความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไป

โรคนี้พบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้ที่มีประวัติโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ มักมีอาการรุนแรง สำหรับผู้ที่มีภาวะปอดอักเสบหรือปอดบวม จะมีอาการดังต่อไปนี้

  • ไอ
  • เจ็บคอ
  • มีไข้สูง
  • อ่อนเพลีย
  • มีเสมหะสีเขียวหรือสีเหลือง
  • รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน
  • หายใจลำบาก
  • เจ็บแน่นหน้าอก

อาการดังกล่าวมักเป็นเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมักจะมีภาวะหายใจล้มเหลว และมีโอกาสเสียชีวิตได้ในที่สุด

...

การรักษาภาวะปอดอักเสบ หากไม่ใช่ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจะเป็นการรักษาตามอาการ แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง (ภาพจาก iStock)
การรักษาภาวะปอดอักเสบ หากไม่ใช่ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจะเป็นการรักษาตามอาการ แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง (ภาพจาก iStock)

สำหรับวิธีการรักษาภาวะปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ จะเป็นการรักษาตามอาการ หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงมาก ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ แต่ในกรณีของผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา

วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และภาวะปอดอักเสบ

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  2. ทำร่างกายให้อบอุ่นในช่วงอากาศหนาวหรืออากาศเปลี่ยนแปลง
  3. ดูแลสุขลักษณะอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ โดยไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง เมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
  4. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี, หญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด), ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป, ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้, ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และโรคอ้วน น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือมี BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวจึงควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันอาการรุนแรง

ข้อมูลอ้างอิง : กรมควบคุมโรค, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลเปาโล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง