ปัญหากระดูกเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงวัยเท่านั้น แต่วัยรุ่นหรือวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยงก็ส่งผลให้เกิดปัญหากระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัยได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ชอบยกของหนัก ก้มตัวบ่อย ขยับคอมาก ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขาได้

หากกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาทจะทำให้มีอาการอ่อนแรงหรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ถ้าไม่รีบรักษาปล่อยทิ้งให้อ่อนแรงเป็นเวลานาน การผ่าตัดก็ไม่สามารถช่วยทำให้กลับมาใช้งานเหมือนปกติได้

นพ.วรายุทธ แสงสุวรรณ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง รพ.วิมุต จะพาไปรู้จักกับโรคกระดูกสันหลังเสื่อม เพื่อให้เราได้เข้าใจแนวทางการดูแลกระดูกสันหลังให้แข็งแรงไปนานๆ

“โรคกระดูกสันหลังเสื่อม” ไม่ใช่แค่การเสื่อมตามวัย

โรคกระดูกสันหลังเสื่อม คือภาวะความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น หรือการใช้งานหนักสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งความเสื่อมของโรคนี้หมายถึงความเสื่อมของบริเวณตัวกระดูกสันหลังเอง หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และเนื้อเยื่อเส้นเอ็นรอบกระดูกสันหลัง คล้ายกับความเสื่อมในข้อเข่าหรือกระดูกบริเวณอื่น

สาเหตุเร่ง “โรคกระดูกสันหลังเสื่อม”

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกระบวนการเสื่อมตามวัย แต่คนที่อายุน้อยก็เป็นโรคนี้ได้จากพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น

  • ยกของหนักเป็นประจำ
  • การขยับก้มเงยคอมากๆ
  • หรือคนที่ชอบสะบัดคอบ่อยๆ
ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

รวมถึงผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนกระดูกหักและต้องใส่เหล็กดาม ทำให้ตัวกระดูกข้างเคียงต้องรับน้ำหนักแทน ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ บางรายอาจมีการติดเชื้อที่กระดูกสันหลัง แม้พบไม่บ่อย แต่ก็อาจนำไปสู่การเสื่อมได้เช่นกัน โดยการเสื่อมอาจใช้เวลา 5-10 ปี หลังเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บก่อนจะเริ่มมีอาการ

อาการเตือนสัญญาณ “โรคกระดูกเสื่อม”

อาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมนั้นแตกต่างกันขึ้นกับตำแหน่งของตัวโรค ในคนไข้ที่มีกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อมอาจจะมีอาการ

  • ปวดบริเวณคอ
  • ปวดร้าวไปที่แขน
  • อาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
  • บางคนอาจมีปัญหาด้านการใช้มือลำบาก เช่น เขียนหนังสือลำบากขึ้น ลายมือเปลี่ยนไป ติดกระดุมเสื้อลำบาก เป็นต้น
  • หากเป็นมากจะมีอาการเดินลำบาก เดินไม่ถนัดเหมือนเดิม
  • อาจจะกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้

“ส่วนคนไข้ที่มีกระดูกสันหลังช่วงเอวเสื่อม นั้นอาจจะมีอาการปวดบริเวณเอว และมีอาการปวดร้าวลงขา ในบางรายอาจจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงขา และกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งใครที่พบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาก่อนอาการจะรุนแรงขึ้น” นพ.วรายุทธ อธิบาย

การรักษาโรคกระดูกสันหลังเสื่อม

ขั้นตอนแรกของการวินิจฉัยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมคือการตรวจร่างกายเพื่อดูลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง และระบบเส้นประสาท ซึ่งหากใครที่พบว่ามีปัญหากระดูกเสื่อมร่วมกับปัญหาทางเส้นประสาทอาจต้องใช้การเอกซเรย์ หรือ MRI เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด

การรักษากระดูกสันหลังเสื่อมมีหลายวิธี ถ้าคนไข้อาการไม่หนักมากจะรักษาด้วยการรักษาแบบประคับประคองโดยใช้ยาและการทำกายภาพ รวมถึงมีการฉีดยาเข้าโพรงประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด ส่วนคนที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น อาการปวดเป็นมากรักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น และในเคสที่มีอาการทางระบบประสาทแล้ว เช่น อ่อนแรง หรือกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่ อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ส่วนการผ่าตัดนั้น อาจจะเพียงผ่าตัดเพื่อนำส่วนที่กดเส้นประสาทออก หรืออาจจำเป็นต้องผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง ขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวโรคว่าเป็นลักษณะแบบใด ซึ่งในปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็กโดยทำการผ่าตัดผ่านกล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือการผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscope) ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

"ถ้าไม่อยากให้กระดูกสันหลังเสื่อมไว ควรหลีกเลี่ยงการสะบัดคอหรือดัดคอแรงๆ ระวังการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทกที่ศีรษะ และที่สำคัญคือไม่ควรยกของหนักเกินไป เพราะแรงทั้งหมดจะไปลงที่กระดูกสันหลัง รวมถึงพยายามลดการก้มตัวมากๆ เพราะจะเป็นการใช้งานกระดูกสันหลังที่เกินจำเป็น นอกจากนี้ก็ควรออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนลำตัวที่ช่วยพยุงกระดูกสันหลังของเรา"

"แม้ว่าโรคกระดูกสันหลังเสื่อมจะทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนกังวลเกินไปจนไม่กล้าทำอะไร จริงๆ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ด้วยความเข้าใจว่าร่างกายย่อมมีการเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักดูแลตัวเอง ระมัดระวังพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลัง และคอยสังเกตร่างกายของตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการผิดปกติที่เข้าข่ายโรคนี้ ก็ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาแต่เนิ่นๆ" นพ.วรายุทธ กล่าวทิ้งท้าย

...