ความเจ็บป่วยทางจิตใจนั้นมีหลายรูปแบบและมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดย EMDR เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาจิตบำบัดที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกว่ามีประสิทธิภาพสูงที่ช่วยลดอาการเจ็บป่วยทางจิตใจได้เป็นอย่างดี

EMDR คืออะไร

EMDR มาจากคำว่า Eye Movement Desensitization and Reprocessing เป็นรูปแบบหนึ่งของจิตบำบัดที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (APA) ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดหรือความวิตกกังวล มุ่งเน้นไปที่การลดการถูกกระตุ้นจากความทรงจำที่ไม่พึงปรารถนาหรือตัวกระตุ้นอื่นๆ ที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวล

โดยอาศัยหลักการการกระตุ้นประสาทสัมผัสสองด้านพร้อมกัน เช่น การกะพริบตา การกลอกตา การฟังเสียงสลับข้าง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้สมองสามารถประมวลผลความทรงจำที่กระทบกระเทือนจิตใจได้อย่างถูกต้อง

การบำบัดด้วยวิธี EMDR (ภาพจาก iStock)
การบำบัดด้วยวิธี EMDR (ภาพจาก iStock)

...

ในการบำบัดแบบ EMDR ผู้รับการบำบัดจะนึกถึงเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ในขณะที่นักบำบัดจะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งสองด้านของผู้รับการบำบัด โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปล่อยแสงกะพริบ อุปกรณ์สั่นสะเทือน หรือเสียงสลับข้าง

การบำบัดแบบ EMDR มักใช้เวลาเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถเห็นผลได้ โดยผลลัพธ์ของการบำบัดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว EMDR สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) เช่น ความหวาดกลัว ความวิตกกังวล ความซึมเศร้า และปัญหาการนอนหลับได้

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วย EMDR ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทุกๆ สองสามปี การบำบัดนี้จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในฐานะวิธีการจัดการกับความเจ็บปวดทางจิตใจ เช่น ซีรีส์สารคดีเรื่อง The Me You Can't See ของเจ้าชายแฮร์รี ที่ดำเนินรายการโดยโอปราห์ วินฟรีย์ ที่สตรีมทาง Apple TV+ ในปี 2564 โดยเจ้าชายแฮร์รีได้เปิดใจเกี่ยวกับรูปแบบการบำบัดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ที่ช่วยให้เขาสามารถรับมือกับความเจ็บปวดในวัยเด็กและการสูญเสียแม่ของเขา เจ้าหญิงไดอาน่าอย่างเจ็บปวดได้

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

EMDR เป็นการบำบัดที่ผสมผสานความรู้เชิงลึกด้านจิตวิทยาขั้นสูงสุดเข้ากับการค้นพบล่าสุดของประสาทวิทยา เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถค้นหาต้นตอของปัญหาต่างๆ เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ความบอบช้ำทางใจ และแม้แต่โรคกลัวได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเปลี่ยนความกังวลนั้นไปสู่ระดับที่ลึกกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน Annalise Oatman นักจิตบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตและได้รับการฝึกอบรมด้าน EMDR อธิบายว่า

“เดิมที EMDR ถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาอาการบอบช้ำทางใจ และถือเป็นมาตรฐานการบำบัดรักษาบาดแผลทางใจ แต่จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากพบว่า EMDR มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาปัญหาทางคลินิกต่างๆ” เธออธิบาย

EMDR ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 1987 โดย Francine Shapiro นักจิตวิทยา “เธอค้นพบผลกระทบของการเคลื่อนไหวดวงตาโดยธรรมชาติ และพัฒนากระบวนการที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของการเคลื่อนไหวดวงตา”

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

ดร. Angela Kenzslowe นักจิตวิทยาคลินิก ผู้เชี่ยวชาญด้าน PTSD บาดแผลทางใจ และความวิตกกังวล กล่าวว่าในปี 1989 การศึกษาวิจัยแบบควบคุมครั้งแรกได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Traumatic Stress ต่อมาในปี 1990 พบว่าการกระตุ้นสองข้างในรูปแบบอื่น เช่น การเคาะและการเปล่งเสียงก็มีผลในเชิงบวกเช่นกัน โดยองค์กรและหน่วยงานระดับมืออาชีพหลายแห่งได้จัดให้ EMDR เป็นจิตบำบัดที่มีประสิทธิภาพสำหรับ PTSD รวมถึง American Psychiatric Association, American Psychological Association และอื่นๆ อีกมากมาย

“เมื่อบุคคลได้รับบาดแผลทางจิตใจเพียงครั้งเดียว โดยทั่วไปแล้ว หลังจากเข้ารับการบำบัด 3-6 ครั้ง อาการจะทุเลาลง 77-100% ขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดแผลทางจิตใจหลายครั้งจะต้องเข้ารับการบำบัดประมาณ 12 ครั้ง เช่น บาดแผลทางจิตใจจากการต่อสู้”

การบำบัดจิตใจด้วย EMDR ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร

การบำบัดด้วย EMDR ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอย่างละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจหรือทำการบ้านให้เสร็จระหว่างการบำบัด แต่จะมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความคิด หรือพฤติกรรมที่เกิดจากปัญหาที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจ ช่วยให้สมองกลับมาดำเนินกระบวนการรักษาตามธรรมชาติได้อีกครั้ง

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

การบำบัดด้วย EMDR ออกแบบมาเพื่อแก้ไขความทรงจำอันเลวร้ายที่ไม่ได้รับการประมวลผลในสมอง จึงทำให้ผู้ป่วยหลายคนที่ได้รับการบำบัดวิธีนี้ได้ผลดีขึ้นจากการบำบัดเพียงไม่กี่ครั้ง

EMDR เหมาะกับใคร

การบำบัดจิตใจด้วยวิธี EMDR สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทุกเพศทุกวัยที่มีอาการเจ็บป่วยทางจิตใจในรูปแบบต่างๆ เช่น ความวิตกกังวล อาการตื่นตระหนก และโรคกลัว ภาวะซึมเศร้าและโรคอารมณ์สองขั้ว โรคการกิน ความเศร้าโศกและการสูญเสีย ความเจ็บปวด ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแสดง ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) และปัญหาทางจิตใจและความเครียดอื่นๆ การล่วงละเมิดทางเพศ การนอนไม่หลับ การใช้สารเสพติดและการติดยา รวมถึงความรุนแรงและการล่วงละเมิด

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ดังนั้น การบำบัดด้วย EMDR จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วยทางจิตใจ ซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเจ็บป่วยทางกายอื่นๆ

...

ข้อมูลอ้างอิง: โรงพยาบาล BMHHParade, The EMDR International Association (EMDRIA)