โรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ ภัยเงียบที่มักเกิดขึ้นกับผู้หญิง มีสาเหตุจากอะไร อาการเป็นแบบไหน สามารถรักษาได้หรือไม่

โรค PCOS คืออะไร

โรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) มีชื่อภาษาไทยว่า โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ หรือฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือความผิดปกติของหลายระบบในร่างกาย อาทิ ต่อมใต้สมอง รังไข่ ต่อมหมวกไต ฯลฯ

ส่งผลให้มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่ เกิดเป็นลักษณะถุงน้ำเล็กๆ หลายๆ ใบในรังไข่ ร่วมกับมีฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นในร่างกาย ทำให้เกิดลักษณะต่างๆ เช่น สิว หน้ามัน ขนดก นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการทางเมตาบอลิกตามมา

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ภาวะนี้พบได้ถึง 1 ใน 10 ในผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยใกล้หมดประจำเดือน อายุ 15 – 45 ปี และนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนหนึ่งมีบุตรยาก หากไม่รีบรักษาอาจทำให้มีบุตรยาก เสี่ยงต่อการมีเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ในอนาคต

...

อาการโรค PCOS

หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์

  • ประจำเดือนเว้นช่วงนาน มาห่างกันมากกว่า 35 วัน หรือมาไม่เกิน 6 – 8 ครั้งต่อปี
  • รอบประจำเดือนขาด มาไม่ติดต่อกันนานเกิน 3 รอบ ในผู้หญิงที่ปกติประจำเดือนมาสม่ำเสมอ หรือมาไม่ติดต่อกัน 6 เดือน ในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ แสดงถึงภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง
  • ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย มามากเกินไป มานานเกินไป อาจเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ
  • ภาวะแอนโดรเจน (Androgen) เกิน คือ ฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ในร่างกายทั้งของผู้ชายและผู้หญิง เมื่อผู้หญิงมีมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะขนดก สิวขึ้นมากกว่าปกติ ผิวมัน ศีรษะล้าน
  • อ้วน น้ำหนักเกินมาก ทำให้ดื้อต่อน้ำตาลอินซูลิน เพิ่มอาการของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

หากพบว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค PCOS จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษา เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลให้มีบุตรยาก เนื่องจากภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง และหากตั้งครรภ์ มีโอกาสแท้งบุตรในช่วง 3 เดือนแรก เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ทารกเติบโตช้าขณะอยู่ในครรภ์เพิ่มความเสี่ยงการหนาตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งเต้านม

ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงโรค PCOS

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโรค PCOS มักเป็นผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน เพราะความอ้วนมีส่วนทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ โดยเฉพาะการอ้วนลงพุง เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตจากไขมัน เมื่อไขมันมากเกินไป การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ควบคุมการตกไข่ในเพศหญิงอาจเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ไม่มีการตกไข่ ประจำเดือนมาน้อยแบบกะปริบกะปรอย ประจำเดือนขาดหายไป ทำให้มีบุตรยาก

วิธีรักษาโรค PCOS

การรักษาโรค PCOS มีจุดประสงค์เพื่อคุมรอบระดู รักษาอาการแสดงของฮอร์โมนเพศชายที่สูง ควบคุมกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก รวมถึงรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยการรักษาแบ่งออกเป็นการใช้ยา และไม่ใช้ยา

การรักษาโดยการไม่ใช้ยา

จะมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกำลังกาย เพิ่มการเผาผลาญ ซึ่งจะสามารถช่วยให้มีการตกไข่ที่สม่ำเสมอขึ้น และลดความเสี่ยงของกลุ่มอาการทางเมตาบอลิกได้

การรักษาโดยการใช้ยา

ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาเม็ดโปรเจสติน หรือห่วงอนามัยชนิดที่มีฮอร์โมน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาเพื่อลดการแสดงออกของฮอร์โมนเพศชายได้

ทั้งนี้ หากมีอาการที่เข้าได้กับกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ประเมินความเสี่ยง และวางแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง : ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก, รพ.กรุงเทพจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

...