lululemon เผยผลสำรวจจากรายงานสุขภาวะที่ดีระดับโลก (Global Wellbeing Report 2023) พบว่าคนไทยให้ความใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่ที่ดี (Wellbeing) ถึง 79 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

ส่วนประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีรองลงมาคือประเทศจีน 78 เปอร์เซ็นต์, เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง 75 เปอร์เซ็นต์, สเปน 71 เปอร์เซ็นต์, สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส อยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์เท่ากัน

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

นอกจากนี้ คนไทยยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีถึง 89 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 โดยชาวฮ่องกงให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับ 1 คือ 94 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยจีนแผ่นดินใหญ่ 93 เปอร์เซ็นต์ ด้านชาวสิงคโปร์อยู่ที่อันดับ 4 คือ 85 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 5 คือชาวเกาหลีใต้ อยู่ที่ 79 เปอร์เซ็นต์

ภาพจาก lululemon
ภาพจาก lululemon

...

ซึ่งคนทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องนี้โดยเฉลี่ย 75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิด-19 เกิดการแพร่ระบาด สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนมีมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับเรื่อง Wellbeing ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และสังคมมากขึ้น

สอดคล้องกับความเห็นของ ทิม แคมป์เบลล์-สกอตต์, ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ lululemon ซึ่งเล่าให้ทีมไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า เมื่อตอนที่เขาทำงานและอาศัยที่สิงคโปร์ผู้คนที่นั่นไม่ได้ออกมาทำกิจกรรมมากเท่าคนไทย ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายแล้ว คนไทยยังสนใจเรื่องอื่นๆ อีกด้วย

 ทิม แคมป์เบลล์-สกอตต์, ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ lululemon (ภาพจาก lululemon)
ทิม แคมป์เบลล์-สกอตต์, ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ lululemon (ภาพจาก lululemon)

“ผมเป็นคนชอบวิ่งตอนเช้ามาก เวลาไปสวนลุมฯ ก็จะเห็นคนมาวิ่งเยอะ แล้วมีการจับกลุ่มพูดคุยกัน ก็เลยเห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับคอมมูนิตี้ที่มีคอนเน็กชัน ก็เลยรู้สึกว่าน่าประทับใจมาก ซึ่งต่างจากเมืองอื่นๆ ที่คนค่อนข้างใช้ชีวิตแบบส่วนตัวมากๆ คนไทยชอบที่จะเจอผู้คนใหม่และได้พูดคุยกัน ไม่ใช่แค่เรื่องการออกกำลังกายแต่ยังมีเรื่องอาหารด้วย”

ขณะเดียวกัน ด้วยพฤติกรรมที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ของคนไทยก็สอดคล้องกับ Core value ของแบรนด์ lululemon ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการเชื่อมโยงผู้คนในชุมชนเพื่อร่วมกันสร้างความเป็นอยู่ที่ดีไปด้วยกัน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานวิ่ง งานโยคะบนเรือ ฯลฯ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนที่สนใจเรื่อง Wellbeing อย่างต่อเนื่อง

ภาพจาก lululemon
ภาพจาก lululemon

ภาพจาก lululemon
ภาพจาก lululemon

...

“หลังจากโควิด-19 ก็ทำให้คนอยากมาเจอหน้ากับตัวต่อตัวมากขึ้น ก็เลยคิดว่ากิจกรรมแบบนี้น่าจะดี เรามีข้อมูลว่าตอนนี้คนไทยโหยหาเรื่อง Wellbeing มาก เพราะเป็นการรวมทั้งด้านจิตใจและร่างกาย การจัดกิจกรรมของเราก็ตอบโจทย์ทุกอย่างไม่ใช่แค่ออกกำลังกายอย่างเดียว”

ภาพจาก lululemon
ภาพจาก lululemon

และเมื่อไม่นานนี้ lululemon ได้เปิดสาขาที่ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม เป็นสาขาที่ 2 ต่อจากสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อตอกย้ำการสร้างคอมมูนิตี้แห่งการสร้างสุขภาวะที่ดี ทิม แคมป์เบลล์-สกอตต์, ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ lululemon เผยว่าตั้งแต่ที่เปิดบริการสาขาแรกก็ได้การตอบรับที่ดีจากคนไทยทั้งในเรื่องยอดขายและการเข้าร่วมกิจกรรมด้าน Wellbeing อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งชาวจีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และตะวันออกกลางด้วย

ภาพจาก lululemon
ภาพจาก lululemon

...

พร้อมกันนี้ lululemon ยังเปิดตัวแอมบาสเดอร์ประจำประเทศไทยคนใหม่คือ ยุทธนา พลเจริญ หรือครูจิมมี่ ครูสอนโยคะชื่อดัง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาด ไตรภพและยุทธนาเป็นแอมบาสเดอร์ของไทยที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าแก่แบรนด์

ยุทธนา พลเจริญ หรือครูจิมมี่ ครูสอนโยคะชื่อดัง (ภาพจาก lululemon)
ยุทธนา พลเจริญ หรือครูจิมมี่ ครูสอนโยคะชื่อดัง (ภาพจาก lululemon)

"ในฐานะสมาชิกใหม่ของแอมบาสเดอร์ lulelemon ประจำประเทศไทย ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดร้านใหม่ของ lululemon สาขา ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ผมรอคอยที่จะได้สำรวจมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการมีสุขภาพดีร่วมกับคอมมูนิตี้ชาวไทย โดยร้านแห่งนี้จะเปิดโอกาสให้เราได้เชื่อมสัมพันธ์และสนับสนุนซึ่งกันและกันในการแสวงหาสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม" ครูจิมมี่ กล่าว

...