โรคสมาธิสั้น เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็ก ข้อมูลจากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า ในเด็กวัยเรียนทั่วโลก จะมีคนเป็นโรคสมาธิสั้นประมาณ 7% หรือเทียบเท่ากับเด็กวัยเรียน 100 คน จะพบเป็นโรคสมาธิสั้น 7 คน ซึ่งโรคนี้หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ได้

สาเหตุโรคสมาธิสั้น

พ่อแม่หลายคนคงประสบปัญหาพฤติกรรมลูกซน อยู่ไม่นิ่ง ลืมง่าย ไม่สามารถตั้งใจทำอะไรต่อเนื่องได้นาน ว่อกแว่กง่าย โดยธรรมชาติของเด็กทั่วไปอาจมีพฤติกรรมเหล่านี้ แต่มีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความบกพร่องของพัฒนาการสมองส่วนหน้า ทำให้ปัญหาเหล่านี้ เป็นมากกว่าความซนปกติทั่วไป

อาการเหล่านี้อาจเข้าข่ายโรคสมาธิสั้นที่พบบ่อยในเด็ก ส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กไม่รับผิดชอบ ไม่ตั้งใจเรียน ดื้อ เกเร หรือก้าวร้าว จึงควรรีบมาพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการประเมินอาการ หากพบปัญหาจะได้รับคำปรึกษาในแนวทางการแก้ไขรักษาก่อนสายเกินไปจนส่งผลกระทบในอนาคตทั้งปัญหาพฤติกรรมการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

แพทย์หญิงวรรณพักตร์ วิวัฒนวงศา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคสมาธิสั้น หรือ ภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder ) เป็นโรคที่อาการจะปรากฏให้เห็นตั้งแต่เล็กๆ และมีการดำเนินโรคเรื้อรังเป็นเวลาหลายปี โดยพบว่า

  • สมาธิสั้นร้อยละ 60-85 ยังมีอาการอยู่ในช่วงเข้าวัยรุ่น
  • ร้อยละ 40-50 ยังมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้
  • โรคสมาธิสั้นมีอัตราความชุกประมาณ ร้อยละ 5-10
  • พบในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง ในอัตราส่วน 3:1

โรคสมาธิสั้นเป็นความผิดปกติในการทำงานของสมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมสมาธิและพฤติกรรมมีการทำงานลดลง ทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ดี จึงทำให้เด็กซน อยู่ไม่นิ่ง ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน และการปรับตัวเข้าสังคม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่และผู้มีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก จึงควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้นและแนวทางการรักษา โดยวิธีต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในการเลี้ยงดูเด็กสมาธิสั้นได้อย่างเหมาะสมต่อไป

สาเหตุของโรคสมาธิสั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกันโดยมีปัจจัยหลัก ได้แก่

1. ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม

หากพบว่าพ่อแม่หรือพี่น้องมีประวัติเป็นโรคสมาธิสั้น ทำให้ลูกมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นมากกว่าคนปกติทั่วไปถึง 4-5 เท่า

2. ปัจจัยทางด้านระบบประสาท

กลไกความผิดปกติหลักเกิดจากความผิดปกติในการทำหน้าที่ของสารสื่อประสาทคือ โดพามีน (Dopamine) และ นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ทำให้เกิดความบกพร่องด้านการบริหารจัดการและการควบคุมตนเอง จึงทำให้เด็กมีความบกพร่องในการควบคุมสมาธิการแสดงออกของพฤติกรรมและการจัดลำดับความสำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ

3. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม

มีการศึกษาพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสมาธิสั้นในเด็ก ได้แก่ การที่มารดามีภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ หรือการคลอดซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง เช่น คลอดก่อนกำหนด ได้รับสารตะกั่ว อุบัติเหตุของสมอง และพบว่ามารดาที่สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติดในขณะตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงที่ทำให้ลูกเป็นโรคสมาธิสั้นสูงขึ้น

4. ปัจจัยการเลี้ยงดู

ซึ่งทำให้เด็กมีอาการคล้ายโรคสมาธิสั้นมากขึ้น โดยการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ขาดระเบียบวินัย นอนดึก นอนน้อย และมีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และโทรทัศน์เป็นเวลานาน จะทำให้เด็กขาดทักษะสังคมและการสื่อสาร รวมถึงอาจมีปัญหาพฤติกรรมรุนแรงที่เกิดจากการเลียนแบบสิ่งที่ดูจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

นอกจากนี้ โรคสมาธิสั้นมักพบร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น โรคการเรียนรู้บกพร่อง หรือ Learning disorder (LD), ปัญหาพฤติกรรมดื้อต่อต้าน ไม่ทำตามสั่ง, โรคกล้ามเนื้อกระตุก (Tics) และโรควิตกกังวล

...

อาการโรคสมาธิสั้น

อาการของโรคสมาธิสั้น หรือ Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) เป็นภาวะบกพร่องในการทำงานของสมองที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติใน 3 ด้านหลัก

  1. อาการสมาธิสั้น ขาดสมาธิที่ต่อเนื่อง เหม่อลอย จดจ่ออะไรนานๆ ไม่ได้ เบื่อง่าย ไม่ค่อยรอบคอบ ทำงานไม่เสร็จตามเวลา ไม่ชอบทำงานที่ต้องใช้สมาธิ หรือความพยายาม
  2. อาการซนมากกว่าปกติหรืออยู่ไม่นิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา ต้องหาอะไรทำตลอด พูดมาก พูดเก่ง ชอบเล่นหรือทำเสียงดังๆ เล่นกับเพื่อนแรงๆ
  3. อาการขาดการยั้งคิดหรือหุนหันพลันแล่น ใจร้อน วู่วาม ขาดความระมัดระวังในการทำสิ่งต่างๆ พูดโพล่ง พูดแทรก รอคอยอะไรไม่ค่อยได้

การวินิจฉัย และรักษาโรคสมาธิสั้น

เมื่อผู้ปกครองพาเด็กมารับการประเมิน แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และประเมินสภาพจิต ร่วมกับสังเกตพฤติกรรมของเด็ก นอกจากนี้ จะขอให้ผู้ปกครองและคุณครูทำแบบประเมินอาการหรือพฤติกรรมของเด็กเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยอาจมีการส่งตรวจหรือการทำการทดสอบเพิ่มเติม เช่น การทดสอบเชาวน์ปัญญาหรือทดสอบความสามารถของทักษะการเรียน เพื่อประเมินว่าเด็กมีความบกพร่องด้านสติปัญญาหรือด้านทักษะการเรียน ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถพบร่วมได้ในเด็กสมาธิสั้น

การรักษาโรคสมาธิสั้นที่ได้ผลดีที่สุด คือการใช้แนวทางรักษาแบบผสมผสานประกอบด้วย การรักษาด้วยยา จะทำให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ซนน้อยลง ดูสงบลง แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่งผู้ปกครองต้องพาเด็กพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และกินยาตามที่แพทย์สั่ง

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและครู ในการปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม ให้เด็กมีการสร้างสมาธิ เช่น กำหนดตารางเวลากิจวัตรประจำวันให้เป็นระเบียบแบบแผน ให้เด็กมีกิจกรรมที่ต้องออกกำลังกาย หรือใช้แรงในทางสร้างสรรค์ เช่น ช่วยทำงานบ้าน ออกกำลังกาย

ผู้ปกครองและครูจำเป็นต้องเข้าใจว่าโรคสมาธิสั้นคืออะไรและรักษาอย่างไร เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กทั้งด้านการเรียนและการปรับพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม ไม่ลงโทษรุนแรงจนทำให้เสียสัมพันธภาพหรือเกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมา

ที่สำคัญคือควรเข้าใจว่าพฤติกรรม และอาการ ที่เด็กแสดงออกมานั้น เป็นสิ่งที่เด็กไม่ได้ตั้งใจหรืออยากทำ แต่เป็นอาการของโรคที่ทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดี ผู้ปกครองและครูจึงควรให้ความเมตตาและให้อภัยเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และค่อยๆ ฝึกสอน ปรับพฤติกรรมเด็กต่อไป

ทั้งนี้พ่อแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการที่เข้าข่ายโรคสมาธิสั้น ควรรีบมาพบจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป