• สิวเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ส่วนมากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acne การใช้เครื่องสำอางบำรุงผิว หรือแต่งหน้ามากจนเกินไป การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและความเครียด
  • การรักษาสิวในปัจจุบัน มีทั้งการใช้ยาทา ยารับประทาน รวมทั้งเลเซอร์ ร่วมกับการปรับพฤติกรรมที่เสี่ยงให้เกิดสิวควบคู่ไปด้วยกัน แต่ทั้งนี้ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วางแผนการรักษา
  • เลเซอร์รักษาสิว และรอยที่เกิดจากสิวในปัจจุบัน ได้แก่ เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ Omnilux นวัตกรรมแสงบำบัด (Light therapy) เลเซอร์วีบีม (V beam) พิโคเลเซอร์ (Pico Laser) รวมทั้งเลเซอร์ชนิดใหม่ที่รักษาสิวได้แบบองค์รวมคือ Harmony Acne Pro

สิวเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในวัยหนุ่มสาว โดยจะลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางราย แม้อายุจะผ่านเลยวัย 40 ไปแล้ว ยังคงมีสิวเป็นๆ หายๆ มาให้กวนใจอยู่เสมอ การหาสาเหตุและการรักษาที่ตรงจุดจะช่วยให้เรื่องสิวเป็นแค่เรื่องเล็ก

เป็นที่ทราบกันดีว่า สิวเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน (sebaceous) ปกติเราจะพบสิวในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า หลังส่วนบน หน้าอก คอ ไหล่ หรือต้นแขน ซึ่งปกติแล้วเราจะพบสิวได้หลายระยะ ทั้งสิวอุดตัน (สิวหัวขาว หรือสิวหัวสีดำ) สิวอักเสบเป็นตุ่มแดง (papulonodular) สิวตุ่มหนอง (pustule) และสิวหัวช้าง (nodulocystic) ซึ่งสิวเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจเกิดแผลเป็นตามมา การได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมาภายหลังได้

สาเหตุของการเกิดสิว

  • การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มสูงขึ้นของฮอร์โมนเพศชาย หรือแอนโดรเจน (Androgen hormone) ซึ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น
  • แบคทีเรีย Cutibacterium acne ซึ่งใช้ไขมันเป็นตัวกลางในการเจริญเติบโต
  • การใช้เครื่องสำอางบำรุงผิว หรือแต่งหน้ามากจนเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอุดตันและเกิดเป็นสิวอักเสบตามมา
  • การทำความสะอาดหน้าบ่อยครั้ง หรือการขัดถูผิวหน้ามากเกินไป
  • อาหารบางชนิด สามารถกระตุ้นการเกิดสิวได้ในบางราย เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ของหวาน
  • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอและความเครียด
  • โรคบางชนิด ที่ทำให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ (Polycystic ovarian disease)
  • ยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์
  • มลภาวะ ฝุ่นละออง

...

ยารักษาสิวที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

  • ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบของสิว เช่น Clindamycin, Erythromycin, Metronidazole
  • ยากลุ่มวิตามินเอ ละลายหัวสิวและลดการอักเสบของสิว เช่น Tretinoin, Adapalene
  • ยากลุ่มอื่นๆ ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว เช่น Benzoyl peroxide, Azelaic acid
  • ยารับประทาน เช่น กลุ่มยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracycline, Doxycycline, Erythromycin, Clindamycin ยากลุ่มวิตามินเอ เช่น Isotretinoin และยากลุ่มฮอร์โมนเพศ เช่น ยาคุมกำเนิด
  • ยาสเตียรอยด์แบบฉีดกรณีมีสิวอักเสบและแพทย์เห็นควรที่จะฉีด เช่น Triamcinolone acetonide

เลเซอร์และเทคโนโลยีรักษาสิวในปัจจุบัน

เลเซอร์รักษาสิวนั้นมีเพียงไม่กี่ชนิด เช่น

  • Omnilux นวัตกรรมแสงบำบัด (Light therapy) ได้แก่ แสงสีน้ำเงิน (Omnilux Blue) และสีแดง (Omnilux Revive2) รักษาสิวโดยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบแดง ควบคุมความมัน
  • เลเซอร์วีบีม (V beam) ลดรอยแดงจากสิว และพิโคเลเซอร์ (Pico Laser) ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ก็มักจะนำมาใช้ควบคู่กันเมื่อเกิดรอยเหล่านี้ตามมา  

Harmony Acne Pro นวัตกรรมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวที่เป็นสิว

เลเซอร์ชนิดใหม่ ที่ผสาน 2 พลัง ได้แก่

  • เลเซอร์ Fractional Erbium Glass 1540 nm เลเซอร์ที่กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมผิวชั้นหนังแท้ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับผิวชั้นบน พร้อมระบบทำความเย็นที่จะช่วยให้รู้สึกสบาย ไม่เจ็บ ลดการอักเสบ จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวอักเสบ หลุมสิว รูขุมขนกว้าง และลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เลเซอร์ Fractional Erbium Yag 2,940 nm เลเซอร์อนุภาคเล็ก ลงลึกถึงผิวชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ไม่ทำร้ายผิว สามารถรักษาหลุมสิว (Acne scar) รอยแผลเป็น (Scar) ริ้วรอยร่องลึก (Wrinkle) ผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น (Skin resurfacing)

เลเซอร์รักษาสิว Harmony Acne Pro เหมาะกับปัญหาใดบ้าง?

  • สิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวต่างๆ ทุกช่วงวัย
  • รอยแผลเป็นบนใบหน้า หรือแผลเป็นหลุมสิว
  • ผิวหน้ามัน และรูขุมขนกว้าง
  • ริ้วรอยร่องลึก หรือติ่งเนื้อ

นอกจากการรักษาสิวด้วยยาและเลเซอร์แล้ว ควรปรับพฤติกรรมบางอย่างที่อาจกระตุ้นการเกิดสิวได้ เช่น

  • หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล นม และอาหารประเภททอด โดยเน้นอาหารไฟเบอร์สูง เพื่อให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
  • หลีกเลี่ยงการนอนดึก โดยเฉพาะหลัง 23.00 น. เป็นต้นไป เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
  • ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้นหากมีความเครียด ควรหาทางออก เช่น ปรึกษาคนที่ไว้ใจได้ ออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่เราชอบ
  • เมื่อเป็นสิว งดแกะ โดยเฉพาะสิวอักเสบ (สิวหัวแดง) เพราะจะทำให้เกิดหลุมสิวและแผลเป็นตามมาได้

...

การรักษาสิวมีอีกหลากหลายวิธี ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว หากมีปัญหาสิว ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์สภาพผิว หาที่มาของปัญหาเพื่อการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถเผยผิวได้อย่างมั่นใจ

ขอบคุณข้อมูล : พญ.วิไล ธนสารอักษร แพทย์ชำนาญการด้านผิวหนัง สุขภาพผิวพรรณและความงาม โรงพยาบาลสมิติเวช