โรคลำไส้แปรปรวน หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูสักเท่าไร แต่บางคนอาจมีอาการของโรคนี้อยู่แบบไม่รู้ตัว บางรายมีอาการท้องผูก บางรายก็ท้องเสีย หากมีอาการรุนแรงก็จะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมากพอสมควร ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวนได้

โรคลำไส้แปรปรวน เกิดจากอะไร

ข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่าโรคลำไส้แปรปรวน มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Irritable Bowel Syndrome (IBS) เป็นโรคของลำไส้ที่ทำงานผิดปกติไป ทำให้เกิดการปวดท้องร่วมกับมีอาการท้องเสียหรือท้องผูก หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก โดยที่ตรวจไม่พบพยาธิสภาพที่ลำไส้ เช่น ส่องกล้องตรวจลำไส้จะไม่มีอาการอักเสบ ไม่มีแผล ไม่มีเนื้องอก หรือมะเร็ง รวมทั้งไม่มีโรคของอวัยวะอื่นๆ ที่จะมีผลให้การทำงานของลำไส้ผิดปกติ เช่นโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือโรคเบาหวานเป็นต้น

โรคลำไส้แปรปรวนจะเป็นโรคเรื้อรังอาจมีอาการเป็นปีๆ หรืออาจเป็นตลอดชีวิต เป็นโรคที่ไม่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม แม้จะเป็นมาหลายๆ ปี และไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่เป็นโรคที่สร้างความรำคาญ และความทุกข์ทรมานให้ผู้ป่วยอย่างมากได้ เนื่องจากผู้ป่วยจะวิตกกังวลมากว่าทำไม่โรคไม่หายแม้ได้ยารักษา ในบางรายอาการท้องเสียบ่อยจะรบกวนการทำงานอย่างมาก ทำให้ไม่อยากออกไปทำธุระหรือเดินทางนอกบ้านหรือนอกที่ทำงาน

โรคลำไส้แปรปรวนกับโรคทางเดินอาหารบางโรคก็มีอาการใกล้เคียงกัน (ภาพจาก iStock)
โรคลำไส้แปรปรวนกับโรคทางเดินอาหารบางโรคก็มีอาการใกล้เคียงกัน (ภาพจาก iStock)

...

ปัจจุบันโรคลำไส้แปรปรวนยังไม่พบสาเหตุที่แน่นอน จึงยังไม่มียารักษาเฉพาะโรคนี้ที่จะกำจัดสาเหตุของโรคลำไส้แปรปรวนได้ ทำให้มีอาการเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ

อาการโรคลำไส้แปรปรวน

  • ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมักจะมีอาการดังต่อไปนี้
  • ท้องผูก อุจจาระแข็ง ถ่ายอุจจาระห่างกว่าปกติ หรือท้องเสีย อุจจาระเหลว ถ่ายบ่อยมากกว่าปกติ
  • ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด มีลมมากในท้อง
  • โดยอาการปวดแน่นท้องเหล่านี้สัมพันธ์กับการขับถ่าย เช่น ถ่ายแล้วมักจะมีอาการดีขึ้น

ความแตกต่างของโรคลำไส้แปรปรวนกับโรคทางเดินอาหารอื่นๆ ที่มีอาการใกล้เคียงกัน

อาการเด่นของโรคลำไส้แปรปรวนคือ “ปวดท้อง” ที่สัมพันธ์กับการขับถ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ (ท้องผูก, ท้องเสีย) โดยอาการปวดท้องมักจะดีขึ้นเมื่อได้ขับถ่าย หรือในบางรายอาการปวดท้องอาจจะไม่ดีขึ้นแต่ก็ยังสามารถเป็นโรคนี้ได้

  • หากเป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง มักไม่มีอาการปวดท้อง
  • โรคท้องเสียเรื้อรังก็เช่นกัน มักไม่มีอาการปวดท้อง
  • หากเป็นโรคกระเพาะอาหารจะปวดท้องส่วนบน แต่ลำไส้แปรปรวนจะปวดกลางท้องหรือปวดท้องส่วนล่าง
  • แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคลำไส้แปรปรวนและโรคอื่นของระบบทางเดินอาหาร สามารถพบร่วมกันได้

ปัจจัยที่ทำให้อาการลำไส้แปรปรวนกำเริบ

อาหารบางชนิด อาจมีผลกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวผิดปกติ

การรักษาโรคลำไส้แปรปรวนสามารถเริ่มต้นได้จากการปรับพฤติกรรมการกิน ด้วยการเลือกกินอาหารที่มีกากใย และย่อยได้ง่าย (ภาพจาก iStock)
การรักษาโรคลำไส้แปรปรวนสามารถเริ่มต้นได้จากการปรับพฤติกรรมการกิน ด้วยการเลือกกินอาหารที่มีกากใย และย่อยได้ง่าย (ภาพจาก iStock)
  • นม ผลิตภัณฑ์นม
  • แป้งสาลี
  • กระเทียม
  • อาหารและผลไม้รสหวาน เช่น น้ำหวาน น้ำผึ้ง แตงโม
  • ความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้ร่างกายรับความรู้สึกจากลำไส้ไวเกินกว่าปกติ

วิธีรักษาโรคลำไส้แปรปรวน

  • ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
  • รับประทานที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ อย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อให้การขับถ่ายเป็นปกติ
  • ผ่อนคลายความเครียด ความกังวล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวัง

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนก็ไม่ควรชะล่าใจกับอาการที่เกิดขึ้น หากพบอาการหรือมีประวัติต่อไปนี้แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาทางรักษาก่อนเป็นโรคร้ายแรง

  • มีอาการรุนแรงที่รบกวนชีวิตประจำวัน
  • เริ่มมีอาการของลำไส้แปรปรวนเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ถ่ายเป็นเลือด หรือโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก
  • น้ำหนักลด (ลดลงมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 10 ใน 3 เดือน)
  • มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัวที่เป็นญาติสายตรง
  • มีประวัติโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังในครอบครัวที่เป็นญาติสายตรง

แม้ว่าโรคลำไส้แปรปรวน ไม่ใช่โรคมะเร็งและจะไม่กลายเป็นมะเร็งแม้จะมีประวัติเป็นๆ หายๆ มานาน แต่กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังคือ ผู้ป่วยสูงอายุที่มีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หรือเพิ่งมามีอาการท้องเสียหรือท้องผูก หลังอายุ 40-50 ปี อาจมีโอกาสที่จะมีสาเหตุจากโรคมะเร็งลำไส้ได้สูงขึ้น (คือมีโรคมะเร็งลำไส้มาเกิดร่วมกับโรคลำไส้แปรปรวน) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจและสืบค้นโดยแพทย์ให้รู้สาเหตุที่แน่นอน

ข้อมูลอ้างอิง : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

...

ภาพ : iStock