มะเร็งปอด ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมาก แถมยังไม่จำกัดเพศและวัย นอกจากมีการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งแล้ว ผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ รวมถึงการได้รับสารพิษหรือยาเสพติดบางชนิด มลภาวะในอากาศ ผู้ป่วยโรคปอด พันธุกรรม อายุที่มากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดได้เช่นกัน

อาการโรคมะเร็งปอด

อาการของโรคขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตัวก้อนมะเร็ง เช่น หากอยู่ใกล้หลอดเลือดแดงและหลอดลมอาจจะมีอาการเหนื่อย ไอเป็นเลือด หากอยู่ในกระดูกจะมีอาการปวดกระดูกอย่างมาก หากอยู่ในตับอาจจะมีอาการปวดท้อง ตับโต และการทำงานของตับอาจจะผิดปกติ หากอยู่ที่สมองอาจจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นต้น

สำหรับอาการทั่วไปที่พบได้บ่อยในมะเร็งปอด ได้แก่

  • มีอาการไอเป็นระยะเวลานาน ไอเรื้อรัง อาจมีเสมหะปนเลือด
  • เหนื่อย
  • หายใจไม่สะดวก
  • มีอาการเบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปอดอักเสบติดเชื้อบ่อยๆ

ชนิดของมะเร็งปอด

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer) เป็นเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว และมักพบในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ แม้จะหยุดสูบบุหรี่มานานแล้ว ก็สามารถเป็นมะเร็งปอดชนิดนี้ได้
  2. มะเร็งปอดประเภทเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer–NSCLC) มะเร็งปอดประเภทนี้เกิดจากปัจจัยก่อมะเร็งที่หลากหลาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ ปัจจุบันพบผู้ป่วยมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ป่วยเป็นมะเร็งปอดชนิดนี้

นอกจากนี้ ในกลุ่มคนเอเชียยังพบการกลายพันธุ์ประเภท Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) ในเซลล์ประเภทนี้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยีนกลายพันธุ์ประเภทอื่น

...

มะเร็งปอดมีกี่ระยะ

มะเร็งปอดมีทั้งหมด 4 ระยะด้วยกัน ในแต่ละระยะจะมีความแตกต่างกันออกไป

  • ระยะที่ 1 ระยะต้นที่พบว่าเซลล์มะเร็งอยู่ในปอด มักไม่มีอาการที่แสดงความผิดปกติ
  • ระยะที่ 2 ระยะที่มีการแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
  • ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งอยู่ในปอดเริ่มออกมาบริเวณต่อมน้ำเหลืองกลางทรวงอก
  • ระยะที่ 4 ระยะที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น กระดูก ต่อมหมวกไต และสมอง

มะเร็งปอด มีวิธีรักษาหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับระยะและอาการของผู้ป่วย ในปัจจุบันมียารักษาโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้
มะเร็งปอด มีวิธีรักษาหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับระยะและอาการของผู้ป่วย ในปัจจุบันมียารักษาโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้

มะเร็งปอดมีวิธีรักษาอย่างไร

วิธีการรักษาโรคมะเร็งปอดอาจมีการรักษาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคลและระยะของโรค ได้ดังนี้

ระยะที่ 1 และระยะที่ 2

ใช้วิธีการผ่าตัด หลังจากผ่าตัดจะนำชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อประเมินว่าเป็นเซลล์ชนิดใด เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมีการรักษาเสริมด้วยการให้ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาเสริมภูมิต้านทานร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

ระยะที่ 3

อาจมีการรักษาหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ ผู้ป่วยที่สามารถรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด เมื่อผ่าตัดแล้วต้องได้รับการรักษาเสริมด้วยยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาเสริมภูมิต้านทาน รวมไปถึงการใช้รังสีรักษา ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ การรักษาหลักจะเป็นการใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีรักษา อาจมีการรักษาต่อด้วยยากระตุ้นภูมิต้านทานหรือยาเสริมภูมิต้านทานร่วมด้วยได้

ระยะที่ 4

ในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะแพร่กระจายซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาอาการของผู้ป่วย ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น และยืดระยะเวลาการรอดชีวิต การรักษาหลักๆ จะมีการใช้ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาเสริมภูมิคุ้มกัน หรือมีการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ ความเหมาะสมกับชนิดของเซลล์มะเร็งปอดแต่ละชนิด รวมทั้งลักษณะทางอณูชีววิทยาของเซลล์มะเร็งปอด และที่สำคัญขึ้นกับสภาวะร่างกายของผู้ป่วยอีกด้วย เนื่องจากยาแต่ละชนิดก็จะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป

ในปัจจุบันยารักษาโรคมะเร็งปอดแต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็น ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาเสริมภูมิคุ้มกัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมาก สามารถที่จะช่วยบรรเทาอาการ และช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

...

ข้อมูลอ้างอิง : รพ.รามาธิบดี, รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพ : iStock