ใช้ชีวิตระหว่างวันอยู่ดีๆ ก็มีอาการตาปรือ ลืมตายาก ลืมตาไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด หากใครกำลังมีอาการในลักษณะนี้ ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะอาจกำลังเสี่ยงเป็นโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลัน หรือโรค MG (Myasthenia Gravis) ซึ่งมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือเส้นประสาทผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอาจส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพตา รวมไปถึงใบหน้าของเราด้วย วันนี้เราจึงนำสาเหตุและอาการของโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลันมาฝากทุกคนกัน เพื่อรู้เท่าทันอาการของโรคและสามารถรับการรักษาที่ถูกวิธี

สาเหตุและอาการของโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลันเป็นอย่างไร

โดยทั่วไปโรคภาวะเปลือกตาตกมักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ เช่น อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันอาจทำงานได้น้อยลง ตาและเปลือกตาทำงานได้ไม่เต็มที่ รูม่านตาดำเล็กลง หนังตา เปลือกตาจะหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จนตกลงมาปิดบังการมองเห็น ทำให้เราต้องพยายามยกคิ้วเพื่อดึงเปลือกตาขึ้น หรือเพ่งดวงตาอย่างหนัก ซึ่งโรคภาวะเปลือกตาตกนี้ไม่ได้เกิดแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังมีภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลันที่เกิดขึ้นได้หลายวัย โดยอาการที่ปรากฏจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นง่ายๆ ด้วยตนเองได้ดังนี้

● ลืมตาไม่ขึ้นระหว่างวัน

อาการลืมตาไม่ขึ้นระหว่างวัน เป็นอาการที่พบได้มากที่สุดในช่วงแรก ข้อสังเกตคือ มีอาการหนังตาตก ขอบของเปลือกตาหย่อนคล้อยลงมาบังลูกตา ซึ่งเกิดจากการที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานน้อยกว่าปกติ คล้ายคลึงกับภาวะหนังตาตกในผู้สูงอายุ หรือที่เรารู้สึกว่าลืมตาไม่ขึ้นระหว่างวัน ลืมตาได้ยาก ทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกง่วงนอน โดยในเวลาตอนเช้าหรือหลังตื่นเช้านั้นจะไม่ค่อยมีอาการ แต่อาการมักเกิดขึ้นในช่วงบ่ายหรือเย็น และอาจมีอาการมองเห็นภาพซ้อนร่วมด้วย แต่หากหลับตาข้างใดข้างหนึ่ง ภาพซ้อนก็อาจหายไป หากใครมีอาการเหล่านี้อาจกำลังประสบกับภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่ได้เช่นกัน

● ตาเหล่หรือเขออก

อาการตาเหล่หรือเขออก เป็นอาการที่พบรองลงมา ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพและการมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากรู้สึกว่าจู่ๆ มีอาการมองไม่ชัด ดวงตาไม่สามารถโฟกัสตรงๆ ได้ จนทำให้ตาข้างใดข้างหนึ่งเหล่หรือเขออก อาจเกี่ยวข้องกับโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลันได้นั่นเอง ซึ่งหลายคนมักไม่ทันสังเกตอาการนี้ หากเริ่มรู้สึกว่าดวงตาข้างหนึ่งของเราทำงานผิดปกติ แต่อีกข้างยังคงสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ ควรรีบทดสอบด้วยการปิดตาทีละข้างเพื่อเช็กการมองเห็นให้แน่ใจ หรืออาจใช้วิธีการมองตรงที่กระจกเพื่อดูว่าตาของเรายังโฟกัสกับวัตถุได้พร้อมกันหรือไม่ ก็ได้เช่นกัน

● ปากเบี้ยว

อาการปากเบี้ยว เป็นอาการที่อาจพบในบางราย โดยอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อปาก มักเป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาท การพูด การกลืน ซึ่งการขยับปากจะไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดอาการปากเบี้ยว และลามไปจนถึงบริเวณคอ แขน และขาได้นั่นเอง บางคนอาจเกิดอาการระยะสั้น เป็นแล้วหายทันที และเนื่องจากการเกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อหายใจ (myasthenic crisis) อาจส่งผลให้บางรายมีอาการที่ยาวนานและรุนแรงถึงขั้นทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิตได้ด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะประสบกับภาวะเปลือกตาตก แต่คนทั่วไป ไม่ว่าจะวัยใดก็สามารถเป็นโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลันได้ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ เช่น ใช้ชีวิตอยู่ระหว่างวันก็ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น อาการเหล่านี้อาจเป็นลางบอกเหตุถึงโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ ซึ่งการมีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงทำให้เราไม่สามารถใช้งานดวงตาได้เต็มที่ และยังทำให้สุขภาพตาเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ไปจนถึงการเกิดอันตรายถึงชีวิต อย่างภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หากใครมีอาการที่เข้าข่ายโรคภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลัน ต้องเตรียมตัวเข้าพบจักษุแพทย์โดยด่วน ซึ่งทาง Inz Clinic มีจักษุแพทย์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลการรักษาเกี่ยวกับภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลัน โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ประเมินอาการและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยอาจต้องตรวจเส้นประสาทตาอย่างละเอียดและวางแผนการรักษา เพื่อรักษาชั้นตาให้สวยดังเดิม เพราะเรื่องตาเป็นปัญหาใหญ่ ไว้วางใจให้ inZ Clinic เป็นผู้ดูแลดวงตาคู่โปรดของคุณ

ปรึกษาภาวะเปลือกตาตกเฉียบพลัน ติดต่อ Inz Clinic ได้ที่
Line : @inzclinic
โทร. 02-004-7778, 081-925-2144
Facebook | Website: Inz Clinic