“ริดสีดวง” ฝันร้ายของใครหลายคน นอกจากความเจ็บปวดและทรมานกับการนั่งหรือเข้าห้องน้ำ ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอีกด้วย เพราะในผู้ป่วยบางรายอาการริดสีดวงจะรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด กวนใจให้หงุดหงิด
ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูลริดสีดวงเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร รวมถึงวิธีรักษาริดสีดวงทำได้อย่างไรบ้างมาฝาก ให้ได้เช็กอาการ รู้ทัน และรักษาได้อย่างถูกวิธี
ริดสีดวงเกิดจากอะไร
โรคริดสีดวง เกิดจากเส้นเลือดดำรอบบริเวณทวารหนักโป่งพองจนเกิดการขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมและลักษณะการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น เบ่งอุจจาระ นั่งถ่ายอุจจาระนาน กินอาหารที่มีกากใยน้อย การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ท้องผูก หรือตั้งครรภ์ ยกของหนัก รวมถึงผู้ที่มีอายุมากขึ้น ส่งผลให้บริเวณทวารหนักเกิดแรงดันภายใน ก้อนเนื้อด้านในจึงกลายเป็นติ่งเนื้อบริเวณทวาร
ในเบื้องต้น หากพบว่ามีอาการเจ็บ คัน และมีเลือดบริเวณปากทวารหนัก ถือว่าเข้าข่ายของโรคริดสีดวงทวาร แนะนำให้รีบพบแพทย์หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาทางรักษาในลำดับต่อไป
...
รู้ทันริดสีดวง อาการเป็นอย่างไร
ทางการแพทย์ได้แบ่งลักษณะอาการของโรคริดสีดวงทวารไว้ทั้งหมด 4 ระยะ ดังนี้
อาการริดสีดวง อาการเริ่มแรก ระยะที่ 1
เส้นเลือดดำเริ่มโป่งพองบริเวณรอบทวารหนัก บางรายอาจมีเลือดออกมาพร้อมกับอุจจาระร่วมด้วย
อาการริดสีดวง ระยะที่ 2
ระยะที่ 2 จะเริ่มรู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนักมากขึ้น ริดสีดวงจะเริ่มออกมานอกทวาร และสามารถกลับเข้าไปที่เดิมได้
อาการริดสีดวง ระยะที่ 3
ในระยะนี้ เมื่อเบ่งอุจจาระ ไอ จาม หรือทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว ริดสีดวงจะออกมาบริเวณทวารมากขึ้น และไม่สามารถกลับเข้าไปที่เดิมได้ ต้องใช้นิ้วมือในการดัน
อาการริดสีดวง ระยะที่ 4
ในระยะนี้อาการจะรุนแรงมากขึ้น บริเวณทวารจะเกิดอาการบวม แดง อักเสบ ริดสีดวงจะออกมาบริเวณทวารแบบถาวร บางครั้งอาจมีเลือดออก หรือมีอุจจาระไหลออกมาด้วย
รู้จัก “ริดสีดวง” มีกี่ประเภท
โดยทั่วไป ได้มีการแบ่งริดสีดวงไว้ 2 ประเภท ได้แก่
- ริดสีดวงภายใน หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณด้านในของรูทวาร อาจเป็นระยะแรกๆ ของอาการ แม้จะไม่ส่งผลต่อความเจ็บปวดมากนัก แต่ก็ไม่ควรละเลย หากพบว่ามีอาการเข้าข่าย
- ริดสีดวงภายนอก หมายถึง ติ่งก้อนเนื้อของริดสีดวงที่ออกมานอกบริเวณทวารหนัก สร้างความเจ็บปวด และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
วิธีรักษาริดสีดวง ทำได้อย่างไรบ้าง
รักษาริดสีดวงด้วยตนเอง
ริดสีดวง รักษาเองได้ไหมเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หากอาการของโรคริดสีดวงที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาเองได้ที่บ้าน โดยอาจจะเริ่มจากการปรับพฤติกรรมและสุขลักษณะนิสัยในขับถ่าย เช่น กินอาหารที่มีกากใยและไฟเบอร์สูง การนั่งแช่ในน้ำอุ่น หรืออาจจะใช้ยาบางชนิดที่ปลอดภัยและได้รับการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ยาเหน็บริดสีดวง ขี้ผึ้งยาริดสีดวง หรือยาสอด
รักษาริดสีดวงด้วยวิธีทางการแพทย์
การรักษาริดสีดวงด้วยวิธีทางการแพทย์มีหลายรูปแบบ ดังนี้
- การทำหัตถการ ด้วยการยิงเลเซอร์หรือใช้ความร้อน เพื่อจี้หัวริดสีดวงให้ฝ่อและหลุดออก ข้อดีของวิธีการรักษาแบบหัตถการ คือ มีแผลขนาดเล็ก ไม่ต้องเย็บ
- การใช้ยางรัด บริเวณหัวของริดสีดวง เพื่อให้ฝ่อและหลุดตามธรรมชาติ ข้อดีของการใช้ยางรัด คือ เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
- การฉีดยา เพื่อให้เส้นเลือดบริเวณนั้นหดตัวลง กลับมาทำงานปกติ ลดอาการเกิดริดสีดวง ข้อดีของการฉีดยา คือ ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่หลังฉีดยาอาจมีอาการแน่นหน้าอกหรือปวดท้องจากสารเคมีในตัวยาได้
- การผ่าตัด กรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่เห็นผล มีวิธีการและขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าแบบอื่นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการในระยะที่ 3-4
...
อาการริดสีดวงทวารควรพบแพทย์ตอนไหน
ริดสีดวงทวาร อาการในช่วงเริ่มแรกอาจไม่รุนแรงมากนัก สามารถรักษาตัวได้ที่บ้าน แต่หากรักษาด้วยตัวเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มีเลือดผสมกับอุจจาระเมื่อขับถ่าย มีอาการปวดและเจ็บท้องรุนแรง หรือมีอาการแทรกซ้อน แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
วิธีการป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
การป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร เริ่มได้ที่ตนเอง เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น
- การเดินสลับนั่ง หรือลุกเดินบ่อยๆ แทนการนั่งนาน เนื่องจากการนั่งนานจะทำให้ลำไส้บีบตัว
- เปลี่ยนพฤติกรรมและเวลาในการเข้าห้องน้ำ โดยฝึกให้เป็นนิสัยเป็นประจำทุกวัน
- กินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยระบบขับถ่าย เช่น กล้วยน้ำว้า มะขาม ส้ม หรือมะละกอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อลดการเกิดอาการท้องผูก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด ย่อยยาก อาหารทะเล หรืออาหารแปรรูป
- รักษาสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
...
โรคริดสีดวงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ปัจจุบัน วิธีการรักษาริดสีดวงมีหลายรูปแบบ หากใครที่พบว่าตนเองมีอาการเข้าข่าย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีรักษาได้อย่างรวดเร็ว รู้ไว รักษาเร็ว ลดอาการเจ็บ