หลังจากที่ได้รู้จักโรคติดเชื้อที่มาในช่วงฤดูฝนไป 3 โรคแล้ว (“6 โรคติดเชื้อที่ต้องระวังในช่วงฤดูฝน” ตอน 1) วันนี้คอลัมน์ ศุกร์สุขภาพ จะพาไปรู้จักโรคอีกกลุ่มคือโรคที่มากับยุง ได้แก่
ไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออก หรือ เดงกี (dengue) ที่อยู่ในน้ำลายของยุงลายที่วางไข่บนน้ำนิ่งที่อาจค้างอยู่ในภาชนะหลังฝนตก โดยหากถูกยุงลายกัดจะทำให้ได้รับเชื้อและเป็นไข้เลือดออกได้
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ปวดข้อ โดยไม่พบอาการติดเชื้อเฉพาะที่ที่ชัดเจน แพทย์สามารถวินิจฉัยไข้เลือดออกโดยการเจาะเลือดเพื่อตรวจดูปริมาณและชนิดของเม็ดเลือดขาว ปริมาณเกล็ดเลือดแอนติเจน หรือแอนติบอดีต่อเชื้อ
การรักษา เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัส จึงทำได้โดยการรักษาตามอาการ เช่น การกินยาพาราเซตามอล แต่ไม่ควรกินยาแอสไพริน หรือยากลุ่มลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ร่วมกับการเจาะเลือดติดตามปริมาณของเกล็ดเลือดเป็นระยะ โดยทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ยกเว้นในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำมาก
...
การป้องกัน
1. ป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย รวมถึงฉีดยาหรือทายากันยุง
2. ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการฉีดได้
ไข้ปวดข้อยุงลาย หรือโรคชิคุนกุนยา เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Chikungunya โดยมีพาหะเป็นยุงลายเช่นเดียวกับไข้เลือดออก
อาการของไข้ปวดข้อยุงลาย จะใกล้เคียงกับโรคไข้เลือดออก แต่มีความรุนแรงต่ำกว่า ผู้ป่วยจะมีไข้ และอาจมีผื่น ส่วนอาการที่อาจพบได้ค่อนข้างจำเพาะกับโรคนี้ ได้แก่ อาการปวดตามข้อต่างๆ หลังหายจากการติดเชื้อ
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาที่จำเพาะ จึงเป็นการรักษาตามอาการ
การป้องกันไข้ปวดข้อยุงลาย ทำได้โดยพยายามเลี่ยงไม่ถูกยุงกัด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้
ไข้ซิกา เกิดจากเชื้อไวรัส zika และมียุงลายเป็นพาหะเช่นกัน
อาการของไข้ซิกา มีลักษณะใกล้เคียงกับสองโรคที่กล่าวไป แต่ไม่มีความรุนแรงมากนัก โดยมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว แต่ที่เด่นอาจพบตาแดง หรือพบทารกมีขนาดศีรษะเล็กในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้ได้ ในปัจจุบันยังไม่มียารักษา และเป็นเพียงรักษาตามอาการ
การป้องกันไข้ซิกา ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงยุงกัด หรือหลีกเลี่ยงเดินทางไปยังถิ่นระบาด เช่น ประเทศในทวีปอเมริกาใต้
การดูแลตนเองในช่วงฤดูฝน มีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการตากฝน หรือสัมผัสน้ำขัง
2. ฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง และปรึกษาแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีนโรคปอดติดเชื้อนิวโมค็อคคัส และวัคซีนไข้เลือดออกได้ตามข้อบ่งชี้ในแต่ละบุคคล
3. หลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
4. รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
@@@@@@@@@
แหล่งข้อมูล
รศ.นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์ สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล