"ตาปลา" (ภาษาอังกฤษ : Corn) หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกรำคาญใจ โดยตาปลาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เท้าหรือฝ่าเท้า ทำให้รู้สึกคล้ายๆ กับมีก้อนกรวดเล็กๆ ติดที่เท้า และบางคนอาจรู้สึกเจ็บเมื่อต้องสวมรองเท้า หรือเดินด้วยเท้าเปล่า แต่รู้หรือไม่ว่าตาปลาสามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ไทยรัฐออนไลน์นำสาระความรู้ดีๆ มาฝากกัน

ทำความรู้จัก "ตาปลา" คืออะไร?

ตาปลา คือ ผิวหนังมีลักษณะแข็งและเป็นก้อนแข็งมากกว่าผิวหนังบริเวณอื่นๆ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เท้า ฝ่าเท้า และนิ้วเท้า เนื่องจากเป็นส่วนที่ได้รับเสียดสีบ่อย เมื่อกดจะไม่รู้สึกเจ็บ หรืออาจจะเจ็บน้อยมาก แต่ในบางรายที่เป็นตาปลาใกล้กับบริเวณกระดูก ก็อาจจะรู้สึกเจ็บเมื่อกดแรงๆ โดยทั่วไปแล้วตาปลาที่พบบ่อย ได้แก่

  • ตาปลาแบบตุ่มเล็กและมีแกนตรงกลาง (Hard corn) : สาเหตุเกิดจากการกด ลงน้ำหนักบ่อยๆ หรือสวมรองเท้าเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่มักพบที่บริเวณฝ่าเท้า 

  • ตาปลาแบบผิวด้าน (Callus) : สาเหตุเกิดจากการเสียดสีบริเวณบางจุดมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุและนักกีฬา พบได้หลายตำแหน่งของเท้า 

...

ไขข้อสงสัย "ตาปลา" เกิดจากอะไร?

ตาปลา เกิดจากการที่ผิวหนังโดนเสียดสีบ่อยๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแข็งขึ้น เช่น การสวมรองเท้าไม่พอดีไซส์ สวมรองเท้าที่มีขนาดเล็กเกินไป หรือสวมรองเท้าไม่เหมาะกับสรีระเท้า ในขณะเดียวกัน ตาปลาก็อาจเกิดขึ้นที่นิ้วมือและข้อนิ้วได้เช่นกัน 

อาการของตาปลา ต่างกับ "หูด" ไหม?

วิธีสังเกตอาการของตาปลาบนผิวหนังแบบง่ายๆ ก็คือ ผิวหนังบริเวณนั้นจะแข็งขึ้น เป็นตุ่มเล็กๆ ที่มีความแข็งและด้าน เมื่อกดแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย หรือหากเจ็บ ก็เจ็บน้อยมาก ส่วนหูดที่มือและเท้า จะเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้ผิวหนังหนาขึ้น มีตุ่มนูนแข็ง ผิวขรุขระ ลุกลามไปยังผิวหนังส่วนอื่นๆ ได้

วิธีรักษาและป้องกันตาปลาที่เท้า ง่ายๆ แบบธรรมชาติ

โดยปกติแล้ว ตาปลาสามารถรักษาให้หายเองได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดการเสียดสีผิวหนังบริเวณเท้า โดยเฉพาะการดูแลตัวเองและใช้ยาควบคู่กันไป ยกตัวอย่างเช่น

  • เลือกสวมรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้า
  • เลือกสวมรองเท้าที่ทำจากวัสดุไม่ระคายเคืองผิว 
  • ใส่แผ่นรองในรองเท้าเพื่อปกป้องผิวหนังเสียดสี
  • สามารถใช้หินขัดถูเบาๆ บริเวณตาปลา เพื่อให้ผิวที่ตาปลาอ่อนลง
  • พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหนังที่เท้าเกิดการเสียดสี
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อรับยามาทาผิวหนังบริเวณตาปลา

ในกรณีที่อาการตาปลารบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน และไม่สามารถรักษาด้วยวิธีธรรมชาติได้ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดเล็กอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ 

อ้างอิงข้อมูล : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์