เพื่อสานต่อแคมเปญ #LetHerGrow โดฟ เปิดเวทีเสวนาระดมความคิด ในหัวข้อ Dove #LetHerGrow “สร้างอนาคตให้เด็กไทย เติบโตในแบบที่ดีที่สุดของตัวเอง” เพื่อรณรงค์ยุติกฎการลงโทษตัดผมนักเรียน ซึ่งกฎระเบียบเหล่านี้ส่งผลให้นักเรียนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง โดยโดฟ เล็งเห็นและมุ่งมั่นที่จะให้ผู้คนสร้างคุณค่าความงาม คือการมีความมั่นใจในตัวเองและการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยในงานเปิดเวทีแลก เปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงการร่วมหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ ผ่านตัวแทนของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ทาวน์ ฮอลล์ ยูนิลีเวอร์ เฮาส์ เมื่อเร็วๆนี้
ผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดฟ ในฐานะแบรนด์ที่ริเริ่มแคมเปญ #Let HerGrow กล่าวว่า โดฟยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมรณรงค์ยุติกฎการลงโทษตัดผม ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาเท่านั้น แต่เรายังมองหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างอนาคตที่ช่วยให้เด็กนักเรียนไทยทั่วประเทศได้เติบโตขึ้นในแบบที่ดีที่สุดของพวกเขา เราจึงเป็นสื่อกลางจัดเวทีแลก เปลี่ยนความคิดให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันเพื่อเด็กๆของเรา หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามุมมองและความเห็นที่เกิดจากงานเสวนาในครั้งนี้ จะเป็นแนวทางในการช่วยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ มองเห็นว่ากฎระเบียบดังกล่าวไม่ได้ลดทอนแค่ความยาวของเส้นผมของเด็กนักเรียน แต่ลดทอดความมั่นใจและตัวตนของพวกเขาอีกด้วย โดฟจะมีการขับเคลื่อนประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี ผ่านกองทุน The Growth Fund (เดอะ โกรท ฟันด์) จำนวน 10,000,000 บาท เพื่อใช้ในงานศึกษาวิจัย การให้ความรู้ผ่านผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆที่เกี่ยวข้อง และการทำงานร่วมกับโรงเรียนและนักการศึกษา สามารถติดตามเพิ่มเติมที่ https://www.dovelethergrow.com/ พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #LetHerGrow
...
ด้าน ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ร่วมนำเสนอมุมมองว่า ตนรู้สึกเห็นใจเด็กไทยจำนวนมากที่จะต้องอยู่กับกฎระเบียบที่ส่งผลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งคำถามสำคัญคือ ทำไมเรื่องทรงผมต้องเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย ยังมีข่าวนักเรียน ถูกกล้อนผมอยู่ทำให้นักเรียนไปโรงเรียนอย่างไม่มีความสุข ทั้งที่โรงเรียน ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นที่สำหรับการเรียนรู้อย่างแท้จริง แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กต้องไปโรงเรียนอย่างระแวดระวังกฎระเบียบและการลงโทษ การที่บอกว่าทรงผมเป็นการฝึกวินัย ซึ่งในความเป็นจริงเรื่องวินัยไม่ใช่แค่เรื่องของทรงผม แต่การฝึกวินัยในโรงเรียนสามารถทำได้กับหลายๆกิจกรรม เช่น การเข้าเรียนและส่งการบ้านให้ตรงเวลา ไม่ล้อเลียนเพื่อน ฯลฯ ซึ่งทรงผมไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนรู้ แต่เกี่ยว ข้องกับการเป็นตัวตนของคนคนนั้น กฎกติกาเรื่องทรงผมก็เป็นการบังคับให้เด็กไม่มีทางเลือก และส่งผลต่อจิตใจของเด็กมาก อยากให้มีการตั้งคำถามว่า ทรงผมเด็กเกี่ยวข้องกับการสร้างระเบียบวินัยจริงหรือ และเชื่อว่าเสียงสะท้อนของสังคมสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมได้แน่นอน
ปิดท้าย ซาร่า–รัศมี สท๊วต ผู้ร่วมถ่ายทอดในแคมเปญภาพยนตร์ Dove #LetHerGrow บอกว่า ตนเองดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมในแคมเปญนี้ เป็นหนึ่งเสียงที่สะท้อนเกี่ยวกับกฎระเบียบเรื่องทรงผม จากประสบการณ์ตรงของเด็กนักเรียนคนนึง ซึ่งคิดว่าการลงโทษที่เกินขอบเขต เช่น การตัดผมจนไม่เป็นทรง ทำให้เด็กอับอายไม่กล้าออกไปเจอผู้คน และสูญเสียความมั่นใจไปเลย จึงอยากเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันหาทางออกที่สร้างสรรค์ร่วมกันให้มีความอะลุ่มอล่วยระหว่างคุณครูและเด็ก เพื่อให้นักเรียนรู้สึกว่าโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเป็นสถานที่แห่งความสุข นอกจากนี้ ตนยังมองว่าครอบครัวนั้นสำคัญมากในการทำให้เด็กมีกำลังใจ มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างมีความสุข.