จัดฟันแบบใส คือวิธีการจัดฟัน หรือดัดฟัน แบบไม่ติดอุปกรณ์ไว้บนฟัน หรือไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่าจัดฟัน เพราะฟันเป็นส่วนประกอบที่สวยงามของใบหน้า บางคนไม่มั่นใจเวลายิ้มแล้วเห็นเหล็กดัดฟัน และวิธีการจัดฟันแบบใสนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาฟันเกเพียงเล็กน้อย มาดูกันว่าการจัดฟันแบบใสนั้นมีกี่แบบ และราคาประมาณเท่าไร
จัดฟันแบบใส คืออะไร
จัดฟันแบบใส (Invisalign) คือ วิธีการจัดฟันที่ออกแบบแม่พิมพ์มาเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ปัญหาของฟัน พิมพ์ฟันที่ใช้มีลักษณะใส ทำให้ผู้อื่นไม่รู้ว่าเรากำลังจัดฟันอยู่ และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหาของฟันที่แก้ไขได้ ได้แก่
- ฟันเก
- ฟันซ้อน
- ฟันไม่สบกัน
- ฟันห่าง
- ขากรรไกรล่างยื่น
ทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังไม่เคยจัดฟัน หรือผู้ที่มีปัญหาฟันล้มจากการจัดฟันครั้งก่อน หรือไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่อง จนเกิดปัญหาฟันเรียงตัวกันผิดรูป
จัดฟันแบบใส มี่กี่แบบ

การจัดฟันแบบใส ถ้าพบคำว่าอินวิซาไลน์ Invisalign หมายถึง กระบวนการพิมพ์ฟัน และการรับรองจะเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท Invisalign โดยเฉพาะทันตแพทย์ที่ใช้อุปกรณ์ของบริษัทนี้จะต้องได้รับการรับรองจาก อินวิซาไลน์ Invisalign
...
อินวิซาไลน์ Invisalign เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่จะออกแบบพิมพ์ฟันออกมาเป็นชุดๆ เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้จัดฟันจะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ทุก 2 สัปดาห์ การจัดฟันแบบใสภายใต้ลิขสิทธิ์ของ อินวิซาไลน์ Invisalign มีทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
1. อินวิซาไลน์ เอ็กซ์เพรส (Invisalign Express) หรือ อินวิซาไลน์ i7
อินวิซาไลน์ เอ็กซ์เพรส (Invisalign Express) หรือ invisalign i7 เป็นวิธีใช้จัดฟันสำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่มาก เช่น ปัญหาการเรียงตัวของฟันไม่กี่ซี่ หรือฟันล้มจากการไม่ใส่รีเทนเนอร์ หรือการดูแลฟันหลังจัดฟันที่ทำให้เกิดปัญหาการเรียงตัวของฟัน อุปกรณ์การจัดฟันแบบอินวิซาไลน์ เอ็กซ์เพรส (Invisalign Express) มีทั้งหมด 7 ชิ้น
2. อินวิซาไลน์ ไลท์ (Invisalign Lite)
อินวิซาไลน์ ไลท์ (Invisalign Lite) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันห่าง ฟันเก ใช้รักษาปัญหาฟันเล็กน้อยถึงระดับปานกลาง เป็นการจัดฟันที่ใส่เครื่องมือในตลอดระยะเวลาการรักษาไม่เกิน 14 ชิ้น
3. อินวิซาไลน์ ฟูล (Invisalign Full)
อินวิซาไลน์ ฟูล (Invisalign Full) ใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาฟันเก หรือความซับซ้อนของการจัดฟันค่อนข้างมาก ใช้จำนวนอุปกรณ์เครื่องมือ 14 ชิ้นขึ้นไป
จัดฟันแบบใส เหมาะกับใคร

จากข้อมูลประเภทของการจัดฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงความซับซ้อนจำนวนมาก แก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟันทุกรูปแบบ แต่หากมีข้อสงสัย สอบถามไปยังคลินิกทันตกรรมที่มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการจัดฟันแบบใสให้ประเมินอาการก่อน
จัดฟันแบบใส มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
จัดฟันแบบใส ข้อเสีย
1. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการดัดฟันแบบเหล็ก
การจัดฟันแบบใส มีราคาสูงกว่าการดัดฟันแบบเหล็กที่ติดอุปกรณ์กับฟัน การจัดฟันแบบใส ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 60,000 บาท ส่วนการจัดฟันติดอุปกรณ์ ราคาเริ่มต้น 30,000 บาท
2. ต้องใส่ไว้เกือบตลอดเวลา หรือ 20-22 ชั่วโมงต่อวัน
แม้ว่าการดัดฟันแบบใสจะถอดอุปกรณ์ออกได้ แต่ก็ต้องใส่ติดต่อกันเป็นเวลา 20-22 ชั่วโมง ถอดออกเฉพาะเวลารับประทานอาหาร และทำความสะอาดฟัน บางคนที่ไม่เคยติดอุปกรณ์นานๆ ก็ต้องใช้เวลาปรับตัว
3. ต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ทำไม่ได้ทุกคลินิก
การจัดฟันแบบใส ต้องทำกับคลินิกที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน หรือบริษัทที่นำเข้าอุปกรณ์แม่พิมพ์ 3D ไม่สามารถเลือกทำได้กับทุกคลินิก
จัดฟันแบบใส ข้อดี
1. เหล็กไม่บาดปาก
บางคนเคยจัดฟันแบบติดอุปกรณ์แล้วเครื่องมือบาดช่องปาก เลือดออก อักเสบ และเมื่อเคยจัดฟันแล้วฟันล้ม ก็อยากแก้ไขด้วยวิธีจัดฟันแบบใสเพื่อลดการระคายเคืองจากการติดอุปกรณ์
2. ออกแบบครั้งเดียว ใช้ได้ตลอด
การจัดฟันแบบใส ใช้การพิมพ์อุปกรณ์ด้วยเทคนิค 3D แล้วออกแบบแม่พิมพ์ 7 ชิ้นขึ้นไป เปลี่ยนอุปกรณ์ทุก 2 สัปดาห์ ไม่ต้องพิมพ์ฟันหลายๆ ครั้ง
3. คนอื่นมองไม่รู้ว่าเรากำลังดัดฟัน
...
ผู้จัดฟันแบบใสอาจไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังดัดฟัน โดยเฉพาะดารา หรือผู้ที่ต้องพบกับผู้คนบ่อยๆ ก็มักกังวลเศษอาหารติดฟัน จึงเลือกวิธีการจัดฟันแบบใส เพื่อให้คนอื่นที่มองมาไม่รู้ว่าเรากำลังดัดฟัน
จัดฟันแบบใส ราคาเท่าไร
จัดฟันแบบใส ราคาขึ้นอยู่กับการออกแบบอุปกรณ์ 3D ถ้าฟันมีปัญหาการเรียงตัวมาก ต้องใช้อุปกรณ์หลายชิ้น ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น การจัดฟันแบบใสมีราคาโดยประมาณ ดังนี้
- จัดฟันแบบใส ราคา Invisalign i7 60,000 บาท
- จัดฟันแบบใส ราคา Invisalign lite 85,000 บาท
- จัดฟันแบบใส ราคา Invisalign full 150,000 บาท
คำถามที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับการจัดฟันแบบใส คือ ผู้ที่จัดฟันแล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ต่อหรือไม่? คำตอบนี้คือ “ต้องใส่” ไม่ว่าจะจัดฟันด้วยเหล็ก หรืออินวิซาไลน์ ก็ต้องใส่รีเทนเนอร์อย่างต่อเนื่อง และดูแลฟันตามที่ทันตแพทย์แนะนำ