เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินได้ฟังนิทานเรื่อง “เจ้าหญิงนิทรา” กันมาก่อน เจ้าหญิงที่หลับใหลไปด้วยมนตร์คำสาปของแม่มดใจร้าย รอรักแท้จากเจ้าชายมาจุมพิต จึงจะพ้นคำสาปและตื่นจากนิทรา แต่ในชีวิตจริงของคนเรานั้น หากใครสักคนหลับใหลไปอย่างเจ้าหญิงนิทรา คงไม่มีเจ้าชายอย่างในนิทาน และก็คงไม่มีใครอยากอยู่ในสภาวะ “เจ้าชายนิทรา” หรือ “เจ้าหญิงนิทรา” นี้เป็นแน่ คอลัมน์ ศุกร์สุขภาพ สัปดาห์นี้จะพาไปรู้จักภาวะนี้กัน

ภาวะเจ้าชายนิทรา คืออะไร?

“ภาวะเจ้าชายนิทรา” เป็น Vegetative State ที่แปลว่า “ผัก” ซึ่งเกิดจากการที่สมองถูกทำลาย จนทำให้สูญเสียการทำงาน โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่สมองใหญ่ทั้ง 2 ข้าง หรือบริเวณสมองส่วนสำคัญอย่างธาลามัส หรือไฮโปธาลามัสถูกทำลาย แต่ก้านสมองยังทำงานอยู่ จึงแตกต่างจาก “ภาวะสมองตาย” อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากระบบการทำงานอื่นยังทำงานได้ปกติ เช่น การหายใจ ระบบไหลเวียนภายในร่างกาย การเคลื่อนไหวต่างๆ โดยผู้ป่วยอาจลืมตา ทำใบหน้าบูดเบี้ยว ร้องไห้ หรือหัวเราะได้ แต่จะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่นทั้งหมด ซึ่งผู้ที่ประสบภาวะเจ้าชายนิทราเป็นเวลานาน อาจได้รับการวินิจฉัยว่าเข้าสู่สภาพผักเรื้อรัง หรือสภาพผักถาวร ดังนี้

  • สภาพผักเรื้อรัง (Continuing Vegetative State) ผู้ป่วยประสบภาวะเจ้าชายนิทรานานกว่า 4 สัปดาห์
  • สภาพผักถาวร (Permanent Vegetative State) ผู้ป่วยประสบภาวะเจ้าชายนิทรานานกว่า 6 เดือน ในกรณีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงสมอง หรือประสบภาวะเจ้าชายนิทรานานกว่า 12 เดือน ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่สมอง โดยผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าประสบภาวะเจ้าชายนิทราขั้นนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังรับการรักษาได้น้อย

...

สาเหตุ

ภาวะเจ้าชายนิทราเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขาดออกซิเจน เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมอง ติดเชื้อในสมอง หรือสมองถูกทำลาย เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถสื่อสารได้ พูดไม่ได้ เคลื่อนไหวไม่ได้ อยู่ในสภาวะหลับตลอด หากแต่อวัยวะภายในยังทำงานเป็นปกติ เนื่องจากก้านสมองยังทำงานอยู่

การวินิจฉัย

แพทย์จะตรวจร่างกายผู้ป่วยโดยการตรวจก้านสมองว่ายังทำงานอยู่ นอกจากนั้นก็จะมีการถ่ายภาพ MRI หรือ CT Scan หรือการฉีดสีเข้าไปที่สมอง ซึ่งการเลือกตรวจเพิ่มเติมนั้นต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้คนไข้ไม่ฟื้น

การรักษา

การรักษาคนไข้ที่อยู่ในภาวะเจ้าชายนิทรา เป็นการรักษาแบบประคับประคอง ให้น้ำ ให้อาหาร และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น เช่น ภาวะติดเชื้อ แผลกดทับ เป็นต้น

การดูแลผู้ป่วย

1. ทำกายภาพผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกาย แขน ขาได้ขยับ เพื่อป้องกันอาการข้อติดแข็ง
2. พลิกตัวผู้ป่วยทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับที่อาจจะเกิดขึ้น
3. ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ โดยการเช็ดตัว และทำความสะอาดทุกครั้ง เมื่อผู้ป่วยถ่ายอุจจาระ เพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ
4. รักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน โดยการใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือเช็ดปากวันละ 2 เวลา

การป้องกัน

การป้องกันภาวะเจ้าชายนิทรา คือ ป้องกันไม่ให้สมองได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลาย ขับรถอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงในกรณีที่ต้องขับรถ เพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุอันอาจทำให้สมองได้รับบาดเจ็บ สวมหมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ผู้ที่เคยมีประวัติสมองได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลาย ควรติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที

@@@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล
รศ. นาวาโท ดร. นพ.สรยุทธ ชำนาญเวช ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล