“อาการภูมิแพ้อากาศ” หรือ “โรคภูมิแพ้อากาศ” ภาษาอังกฤษ คือ Allergic Rhinitis เป็นอาการรบกวนในการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน เนื่องจากอาการจาม คัดจมูก และคันตามผิวหนังเมื่อเจอสิ่งกระตุ้นนั้นดูเป็นอาการเล็กน้อยหายได้เอง แต่ใครที่เป็นโรคนี้ในอนาคตก็มักจะเป็นอีกได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ผู้มีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้อากาศสับสนกับอาการโควิด-19 ดังนั้นมารู้จักโรคภูมิแพ้อากาศ และวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
โรคภูมิแพ้อากาศ มีอาการอย่างไร
โรคภูมิแพ้อากาศเกิดจากตัวกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองกับสารที่รับเข้ามา เช่น ไรฝุ่น, ขนสัตว์เลี้ยง, พืช, เชื้อรา อาการภูมิแพ้ของแต่ละคนที่เกิดปฏิกิริยาขึ้นนั้นแตกต่างกัน เช่น หายใจติดขัด, จมูกอักเสบ, คันตา, ผื่นแพ้ และหากเกิดการบวมของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังจะมีอาการเฉียบพลันถึงแก่ชีวิตได้
ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ พบได้ร้อยละ 20 และในจำนวนร้อยละ 70 ของผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการก่อนอายุ 30 ปี พบได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
...
ดังนั้นถ้าคิดจากจำนวนประชากรไทยปัจจุบันที่มีอยู่ราว 65 ล้านคน จะมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อากาศประมาณ 13 ล้านคน โรคภูมิแพ้อากาศจึงเป็นโรคประจำตัวที่ผู้ป่วยควรใส่ใจสุขภาพ หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้น และเมื่ออาการกำเริบแล้วต้องจัดการรักษาอย่างถูกวิธี
อาการ “โรคภูมิแพ้อากาศ” ที่พบบ่อย
อาการโรคภูมิแพ้อากาศของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป แต่มีกระบวนการเกิดที่เหมือนกัน อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดพร้อมกันหลายรูปแบบ ดังนี้
1. จมูกอักเสบ คัดจมูก จาม คันจมูก น้ำมูกไหลลงคอ ในช่วงฤดูกาลเปลี่ยน หรือเป็นตลอดทั้งปี และบางคนเป็นในช่วงที่มีละอองเกสรในอากาศมากๆ
2. ผื่นแพ้พันธุกรรม พบมากในเด็กเล็ก คันผิวหนังบริเวณข้อศอกและข้อพับ
3. ผื่นลมพิษ บริเวณผิวหนังมีลักษณะ นูน แดง หนาขึ้นมา
4. เยื่อบุตาอักเสบ มีอาการคันรอบๆ ดวงตา น้ำตาไหล หรือตาบวม
5. อาการเฉียบพลัน หายใจไม่ออก หน้าแดง เยื่อจมูกบวม หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หายใจมีเสียงวี้ด อาจนำไปสู่ความดันตก และเป็นอันตรายถึงชีวิต
ความแตกต่างระหว่าง “อาการภูมิแพ้อากาศ” และ “อาการโควิด”
ผู้ป่วยระยะแรกที่หายใจไม่ออก ไม่ได้กลิ่น สูญเสียการรับรส ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้คล้ายกับผู้ป่วยโควิด แต่แยกได้จากผู้ป่วยภูมิแพ้มักมีอาการทางจมูกเป็นหลัก แพทย์สามารถวินิจฉัยแยกโรคโควิด, ภูมิแพ้, ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดธรรมดา
การรักษา “โรคภูมิแพ้อากาศ”
...
1. หลีกเสี่ยงตัวการที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และดูแลสุขภาพของตนเอง
2. กินยา หรือพ่นยาที่จมูก
3. ฉีดยาแก้ หรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจ
วิธีการป้องกัน “อาการภูมิแพ้อากาศ” กำเริบ
ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้สามารถใช้ยาควบคุมอาการโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ได้ และระหว่างที่ร่างกายไม่แข็งแรงก็ควรพักผ่อนอยู่บ้าน และมีวิธีการป้องกันอาการภูมิแพ้กำเริบ ดังนี้
1. สวมหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง หรือแบบอื่นๆ เมื่อต้องออกสู่พื้นที่นอกบ้าน ลดโอกาสสูดเกสร ฝุ่น และขนสัตว์
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์จร หรือสัตว์เลี้ยงของผู้อื่น
3. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเปล่าอย่างน้อย 20 วินาที หากหาสบู่ไม่ได้ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อยร้อยละ 60 - 75%
4. ทำความสะอาดบ้าน และสิ่งของที่ต้องหยิบจับใช้บ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู, รถยนต์, ปากกา, ห้องต่างๆ ภายในบ้าน
การใช้ชีวิตร่วมกับผู้ที่มีอาการโรคภูมิแพ้อากาศ ต้องเข้าใจพื้นฐานของการแพ้ และกำจัดสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ออกจากสภาพแวดล้อมอยู่อาศัย หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งกระตุ้น เช่น เกสรดอกไม้, พื้นที่อุณหภูมิร้อนเย็นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศอยู่ร่วมในสิ่งแวดล้อมเดียวกับผู้อื่นได้ แต่หากคาดว่ามีอาการคาบเกี่ยวกับโควิด หรือสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันมา ก็ต้องให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์วินิจฉัย เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ถูกต้อง
...
อ้างอิง :
1. โรคแพ้อากาศ, ผศ. นพ. อนัญญ์ เพฑวณิช สาขาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, https://www.si.mahidol.ac.th/siriraj_online/thai_version/Health_detail.asp?id=196
2. โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ในสถานการณ์โควิด-19, รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน สาขาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=1424