คุณแม่ผ่าคลอด หรือ กำลังจะผ่าคลอดควรรู้ เด็กผ่าคลอดอาจจะมีพัฒนาการทางภูมิต้านทาน และการพัฒนาทางสมองที่ต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติ เพราะการคลอดโดยการผ่าคลอดเด็กจะถูกนำตัวผ่านออกมาทางหน้าท้องของคุณแม่ ทำให้ไม่ได้รับจุลินทรีย์ที่ดีที่อยู่ในช่องคลอด ทำให้เด็กนั้นมีโอกาสจะเจ็บป่วยและเป็นภูมิแพ้ได้ง่ายมากกว่าเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ แต่นอกจากภูมิต้านทานของเด็กผ่าคลอดจะแตกต่างจากเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติแล้ว ยังมีเรื่องพัฒนาการทางสมองที่แม่ผ่าคลอดควรให้ความสนใจเช่นเดียวกัน
การศึกษาขนาดใหญ่ในเด็กจำนวนมากกว่า 3,000 คนของประเทศออสเตรเลียพบว่า 1 ใน 7 ของเด็กผ่าคลอดอาจมีความสัมพันธ์กับการเรียนรู้เมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน โดยเด็กผ่าคลอดที่อายุ 4-9 ปี มีคะแนนสอบมาตรฐานเฉลี่ยน้อยกว่าเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ สัมพันธ์กับอัตราการได้รับนมแม่ที่น้อยกว่า การมีภาวะอ้วนและสมาธิสั้นมากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ นอกจากนี้การศึกษาของสหรัฐอเมริกายังพบว่า สมองของเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลิน น้อยกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ ในช่วงแรกของชีวิต
ดังนั้นถ้าคุณแม่อยากให้ลูกที่ผ่าคลอดมีพัฒนาการและการสร้างไมอีลินที่ดี คือการให้ลูกได้ทาน “นมแม่” เพราะนมแม่นั้นมีสารอาหารหลากหลายมากกว่า 200 ชนิด ซึ่งหนึ่งในสารอาหารที่มีความสำคัญคือสฟิงโกไมอีลิน “สฟิงโกไมอีลิน” เป็นหนึ่งในไขมันที่ช่วยสร้างไมอีลิน ซึ่งไมอีลินช่วยเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทของสมอง ให้คิดเร็วเรียนรู้ไว หากเด็กได้รับสฟิงโกไมอีลิน และสารอาหารอื่นๆ ครบถ้วน ควบคู่กับการส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัย จะช่วยในการพัฒนาสมองและร่างกายได้ดี นอกจากนี้ในนมแม่ยังมี “B. lactis” หนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร ลดการท้องเสีย และลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นคุณแม่เตรียมผ่าคลอดและคุณแม่ที่เพิ่งผ่าคลอด จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องเสริมการพัฒนาการทางสมองและภูมิคุ้มกันของลูกน้อย เพราะคุณแม่สามารถให้ลูกทานนมแม่ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 เดือน และ สามารถทานต่อเนื่องควบคู่อาหารเสริมจนลูกอายุ 2 ปี หรือมากกว่า เนื่องจากในนมแม่มีสารอาหารมากมาย รวมทั้ง สฟิงโกไมอีลิน และ B. lactis ซึ่งสำคัญต่อเด็กผ่าคลอด และเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันรวมถึงเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองด้วย
คุณแม่ที่ผ่าคลอดแล้ว ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อน้ำนมสำหรับพัฒนาการของลูก เพราะในช่วงแรกอาจจะน้ำนมน้อย น้ำนมยังมาไม่มากเท่าที่ควร คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดอุ่นๆ หรือน้ำขิงอุ่นๆ บ่อยๆ จะช่วยกระตุ้นน้ำนม ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และทานผัก รวมถึงสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการเพิ่มน้ำนม และดูแลสภาพจิตใจทำให้ตัวเองมีความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สบาย ไม่เครียด ไม่มีความกังวล นอกจากนี้การกระตุ้นโดยการให้ลูกเข้าเต้าบ่อย และดูดนานขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาน้ำนมน้อยให้ดีขึ้นได้
คุณแม่สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารอาหารสำคัญ สฟิงโกไมอีลิน และ จุลินทรีย์สุขภาพ B. lactis และอ่านคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับแม่ผ่าคลอดเพิ่มเติม https://bit.ly/3xS6zsu
References : อ้างอิงจาก
1. Bentley J, et al. Pediatrics. 2016; 138:1-9.
2. Polidano C. et al. Sci Rep. 2017; 7: 11483.
3. Deoni S, et al. Neuroimage. 2018 Sep;178: 649-659.
4. Chevalier et al. PLos ONE 2015.
5. Jungersen M, et al. Microorganisms. 2014 Mar 28; 2(2)92-110.