“ท้องร่วง” เป็นอาการในระบบทางเดินอาหารหนึ่งที่พบบ่อยในทารกและเด็ก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจากทั้งเชื้อไวรัส หนอนพยาธิ และแบคทีเรีย ซึ่งคอลัมน์ศุกร์สุขภาพ วันนี้จะพาไปรู้จัก “ท้องร่วงจากไวรัสโรต้า”

ท้องร่วง คือ การถ่ายอุจจาระมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน อุจจาระอาจมีลักษณะเหลวมากขึ้น อุจจาระเป็นน้ำ หรือมีมูกปนเลือด ท้องร่วงที่เกิดขึ้นไม่เกิน 7 วันคือท้องร่วงเฉียบพลัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกช่วงอายุ โดยหากท้องร่วงเฉียบพลันเกิดจากการติดเชื้อ มักเกิดขึ้นก่อนอายุ 5 ปี ส่วน “ไวรัสโรต้า (rotavirus)” เป็นไวรัสที่มักอาศัยและก่อพยาธิสภาพในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ในประเทศไทย ท้องร่วงจากไวรัสโรต้าพบมากขึ้นในช่วงที่อากาศเย็นและแห้ง ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์

ผู้ป่วยเด็กมักมีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อน เช่น ไข้ น้ำมูก ไอ อาเจียน แล้วตามด้วยอาการท้องร่วง อุจจาระมีปริมาณน้ำมาก ไม่มีมูกเลือดปน หรืออาจมีมูกปนเล็กน้อย บางรายมีอาการไข้สูง เนื่องจากไวรัสโรต้าก่อความเสียหายกับเยื่อบุลำไส้เล็ก ส่งผลให้การย่อยน้ำตาลแล็กโทส (lactose) คือน้ำตาลในนมแม่และนมวัว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์นมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม บกพร่องไป เด็กที่มีการย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่องจะมีลมในท้องมาก ร้องกวนมากขึ้นหรือปวดท้อง ผายลมบ่อย รอบรูทวารหนักแดงจากอุจจาระที่มีฤทธิ์เป็นกรด การตรวจอุจจาระเพื่อค้นหาการติดเชื้อนี้จะทำให้การวินิจฉัยโรคแม่นยำมากขึ้น

...

การรักษา

การดูแลรักษาท้องร่วงจากไวรัสโรต้า แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

1. การรักษาประคับประคอง คือ การให้สารน้ำและเกลือแร่ที่เหมาะสม ด้วยการให้ผงละลายเกลือแร่หรือ oral rehydration solution (ORS) เบื้องต้น สามารถใช้ได้ในเด็กทุกวัย โดยพิจารณาให้เด็กเล็กให้กิน ORS ประมาณ 2-3 ออนซ์ต่อครั้งที่มีการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำและเพิ่มปริมาณได้ในเด็กโต ร่วมกับการให้เด็กกินอาหารตามปกติ ไม่แนะนำให้งดอาหารหรือนมในช่วงที่มีอาการท้องร่วง ยกเว้นหากสงสัยภาวะการย่อยน้ำตาลแล็กโทสบกพร่องจากการติดเชื้อนี้ อาจพิจารณาเปลี่ยนนมเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส และลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลแล็กโทส ซึ่งมักทำให้อาการท้องร่วงลดลง

2. การรักษาตามอาการ ให้ยาตามอาการ เช่น พาราเซตามอล ยาแก้อาเจียน เป็นต้น มีการศึกษาพบว่าการให้โพรไบโอติก (probiotics) เพื่อปรับสมดุลจุลชีพในทางเดินอาหารให้เหมาะสม ทำให้อาการท้องร่วงจากการติดเชื้อไวรัสโรต้าหายเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยาที่ช่วยลดการหลั่งสารน้ำภายในโพรงลำไส้ อาจจะลดความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำในทารกและเด็กเล็กได้

การป้องกัน

• ให้ทารกกินนมแม่ โดยเฉพาะในช่วง 4-6 เดือนแรกหลังเกิด

ให้ทารกได้รับการหยอดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งนอกจากวัคซีนจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อแล้ว ยังช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราการรับรักษาไว้ในโรงพยาบาลและอัตราการตาย หากติดเชื้อแล้ว

ให้เด็กรักษาสุขนิสัยที่ดี ล้างมือก่อนและหลังการถ่ายอุจจาระ รวมทั้งล้างมือก่อนและหลังการกินอาหาร กินอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย

แม้ว่าส่วนมาก “ท้องร่วงจากไวรัสโรต้า” จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถเกิดขึ้นกับบุตรหลานของคุณได้ จึงควรป้องกันการติดเชื้อด้วยสุขลักษณะที่ดี การกินนมแม่ และการหยอดวัคซีนในวัยทารกอย่างเหมาะสม

@@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล
รศ. นพ.พรเทพ ตั่นเผ่าพงษ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล