เชื่อว่าทุกคนย่อมจะมีอาการคันศีรษะกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้วไม่มากก็น้อย แต่หากใครที่มีอาการคันศีรษะค่อนข้างมาก จนกระทั่งมีขุยสีขาวๆ หลุดร่วงมาติดตามเสื้อ นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว คุณอาจจะเข้าข่ายเป็น “โรครังแค” ก็เป็นได้

รู้จัก “โรครังแค”

“โรครังแค” เกิดจากการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุใหญ่น่าจะเกิดจำนวนยีสต์ที่มีอยู่ในรูขุมขนของคนเราเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งยีสต์นี้มีอยู่ในคนทั่วไปทุกคน และใช้ไขมันที่หลั่งโดยต่อมไขมันเป็นอาหาร ซึ่งเมื่อเพิ่มจำนวนขึ้นจะกระตุ้นให้มีการหลุดลอกของผิวหนังมากขึ้น จนทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่า นั่นคือ เกิดเป็นสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ ในกรณีที่มีมาก อาจร่วงลงมาเกาะบนปกเสื้อ บริเวณบ่าและไหล่ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อใส่เสื้อสีเข้ม

โรครังแคเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป โดยพบว่าประมาณ 5-10% จะเกิดขึ้นในช่วงที่เริ่มเป็นวัยรุ่น เพราะต่อมไขมันเริ่มทำงานแล้ว การที่ร่างกายมีไขมันมากขึ้น โอกาสเกิดรังแคก็มีมากตามไปด้วย นอกจากนี้ในคนที่มีเหงื่อออกค่อนข้างมาก และไม่ได้ทำความสะอาดทันที รวมถึงคนที่มีผิวมัน ก็มีโอกาสเป็นรังแคได้มากกว่าคนผิวแห้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นรังแคแล้วจะต้องเป็นตลอดไป โรครังแคเป็นโรคที่เป็นๆ หายๆ เป็นแล้วก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้

...

อาการ

อาการหลักของรังแค คือ อาการคันศีรษะ มีสะเก็ดขนาดเล็กที่หนังศีรษะ ซึ่งจะไม่ออกมานอกชายผม ซึ่งจะต่างจากโรคสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ ซึ่งจะมีสะเก็ดขนาดใหญ่ มีผื่นแดงข้างล่าง ขยายออกมานอกชายผม และอาจมีผื่นที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายด้วย เช่น ข้อศอก หัวเข่า

การรักษา

คำแนะนำเบื้องต้นของผู้ที่เป็นรังแคในกรณีที่ไม่รุนแรง ก็จะให้คนไข้สระผมให้บ่อยขึ้น โดยเลือกใช้แชมพูสระผมที่มีฤทธิ์ในการรักษารังแคที่มีขายอยู่ทั่วไป ได้แก่ สารซิงค์ ไพริไธออน หรือ ซีลีเนียมซัลฟายด์ และเวลาใช้ควรจะต้องหมักแชมพูทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จึงล้างออก จึงจะได้ผล

ถ้าแชมพูกลุ่มแรกไม่ได้ผล ก็จะพิจารณาให้ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของคีโตคอนนาโซล ถ้ายังไม่ได้ผลอีก ก็จะให้ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน (Tar) ซึ่งจะช่วยลดสะเก็ดได้ดี แต่มีกลิ่นค่อนข้างแรง และอาจทำให้ผมกระด้าง ซึ่งถ้าเป็นของโรงพยาบาลรามาธิบดีชื่อ Rama Tar ซึ่งใช้รักษาคนไข้โรครังแค และจะมีส่วนผสมของซาลิไซลิก ช่วยลอกสะเก็ด ซึ่งให้ผลดีในการรักษาโรครังแค

การรักษาจึงเป็นการใช้แชมพูดังที่กล่าวไปข้างต้น จนกระทั่งไม่มีอาการหรือโรคสงบลง จึงลดการใช้แชมพูกำจัดรังแคลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่นจัด หรือเกาศีรษะอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้หนังศีรษะแห้งและเป็นขุยมากขึ้นได้ หากใช้แชมพูที่แนะนำและทำวิธีดังกล่าวแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำมาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงและวินิจฉัยให้ถูกต้อง

@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ศาสตราจารย์คลินิก แพทย์หญิงณัฎฐา รัชตะนาวิน สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล