ในช่วงฤดูร้อนซึ่งเริ่มตั้งแต่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอมใหญ่ของเด็กๆ ด้วยเช่นกัน พ่อแม่ ผู้ปกครองจึงมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับเด็กๆ มากกว่าตอนเปิดเทอม ซึ่งในช่วงฤดูร้อนอย่างนี้มีโรคที่เด็กๆ ต้องระวังอยู่หลายโรค ดังนี้

1. โรคผิวหนัง ในช่วงฤดูร้อนทำให้เกิดเหงื่อออกมากกว่าปกติ ประกอบกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดผดผื่นได้ง่าย นอกจากนี้การที่เด็กๆ ออกไปเล่นกลางแจ้ง ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้ เนื่องจากเด็กมีผิวที่บอบบาง

การป้องกัน พยายามให้เด็กอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หมั่นอาบน้ำและรักษาความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ

2. โรคท้องเสีย เกิดจากการกินอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือโปรโตซัวต่างๆ

อาการ เด็กจะมีอาการอาเจียน ถ่ายเหลว บางรายอาจจะมีไข้ ปวดท้อง ซึ่งถ้าถ่ายมากอาจจะเกิดอาการขาดน้ำและเกลือแร่ เนื่องจากการกินอาหารไม่ได้ ร่วมกับอาเจียน

การป้องกัน กินอาหารที่สุก สะอาด เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อน อาหารที่ทำไว้แล้วที่ไม่ได้รับประทานทันทีควรนำเก็บเข้าตู้เย็น เวลาจะกินก็ต้องนำมาอุ่นให้ร้อน น้ำที่ดื่มก็ควรเป็นน้ำต้มสุก สะอาด การดูแลสุขอนามัยล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหาร และหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง เพราะเชื้อโรคติดต่อทางอุจจาระได้ง่าย

3. อาหารเป็นพิษ (Food poisoning) เกิดจากสารพิษที่เชื้อโรคสร้างขึ้นมา หากเรารับประทานอาหารที่มีสารพิษดังกล่าวเข้าไป ก็จะมีอาการเด่นคืออาเจียน หรือบางคนก็อาจมีอาการถ่ายเหลวร่วมด้วย นอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคที่เป็นอันตรายมากสำหรับเด็กคือ ภาวะการขาดน้ำและช็อก การดูแลคือ ต้องให้สารน้ำและเกลือแร่ที่เพียงพอ หากในกรณีที่เด็กไม่สามารถรับประทานอะไรได้เลย ควรรีบพาไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจให้สารน้ำทางเส้นเลือด และสังเกตอาการที่โรงพยาบาล

การป้องกัน ดูแลเรื่องความสะอาดของอาหารและน้ำ เพราะช่วงอากาศร้อนทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย

4. โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่ระบาดมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยสะสมมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ติดต่อโดยการสัมผัสละอองฝอยของผู้ที่เป็นโรค ไม่ว่าจะเป็นการไอ การจาม

อาการ คนไข้จะมีอาการไข้สูง บางรายก็มีไข้สูงเฉียบพลัน ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว บางคนก็อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว เป็นต้น

ส่วนใหญ่โรคนี้เป็นแล้วสามารถหายได้เอง แต่ในผู้ป่วยเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบรุนแรงถึงขั้นระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หากลูกหลานของท่านมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที

...

การป้องกัน หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนแออัด หากจำเป็นต้องอยู่ในที่ดังกล่าว ควรสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ควรพาเด็กๆ ไปรับป้องกันโรควัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วย

5. โรคพิษสุนัขบ้า เป็นอีกหนึ่งโรคที่ระบาดในช่วงหน้าร้อนนี้ เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้สัตว์มีความดุร้ายมากขึ้น

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า (rabies virus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันของสมองในมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่น

อาการ ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนมากจะไม่แสดงอาการจนกระทั่ง 3-8 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการเริ่มแรกคือ มีไข้ ปวดศีรษะ คันบริเวณที่ถูกกัด สับสน พฤติกรรมผิดปกติ ไวต่อแสงและเสียงมากกว่าปกติ กลืนลำบาก ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายใน 2-10 วันถ้าไม่ได้รับการรักษา

การป้องกัน หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับสัตว์โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หากครอบครัวใดมีสัตว์เลี้ยง ควรพาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงครอบครัวที่มีการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน ก็ควรพาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย เมื่อได้รับวัคซีนแล้ว หากเด็กโดนสัตว์กัดหรือข่วน ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

จะเห็นได้ว่าในช่วงฤดูร้อนนี้เป็นโรคที่มีการระบาดของโรคต่างๆ ที่มีความอันตรายและรุนแรงอยู่หลายโรค พ่อแม่ ผู้ปกครองจึงควรให้การดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ หรืออาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที

--------------------------------------------------------

แหล่งข้อมูล
อ.พญ.โสภิดา บุญสาธร สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล