รู้จัก "อากาศบริสุทธิ์" ที่ไม่มีมลพิษ PM2.5 อยู่ที่ไหนในโลก?

ด้วยความที่เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงตื่นนอนตอนเช้าทุกวันนี้ ก็ต้องรีบจับโทรศัพท์มือถือ เช็กสภาพอากาศฝุ่นเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ก็ด้วยความกังวลใจ และเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพและผิวพรรณของตัวเอง อย่างที่รู้ๆ กันมลพิษทางอากาศทุกวันนี้น่ากลัวขนาดไหนสาวๆ ก็น่าจะเข้าใจกันดี ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเมื่อหลายเดือนก่อนชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ต้องเผชิญกับเจ้าฝุ่น PM2.5 ช่วงนี้เพื่อนๆ ทางภาคเหนือก็ยังต้องมาเผชิญกับเจ้าฝุ่นชนิดนี้กันอีก ฉะนั้นการใส่ใจดูแลตัวเอง และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของเราจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีสิ่งเหนือความคาดหมายมาบอกค่ะสาวๆ เพราะเราเชื่อว่า...คุณก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เมื่อไปเที่ยวยังสถานที่ที่มีบรรยากาศดีๆ ก็อยากจะนำอากาศเหล่านั้นกลับมาไว้ที่บ้าน ใช่ค่ะคุณผู้หญิง!! ตอนนี้เรื่องที่คุณต่างพูดเล่นกันในวันนั้นสามารถเกิดขึ้นจริงได้แล้วในวันนี้ กับอากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋องที่เราได้ไปร่วมงานเปิดตัว Breathe Ezy งานนี้ได้ความรู้เรื่องอากาศมาฝากเพียบ พร้อมกันนี้ยังได้ข้อมูลจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้วย เราไปฟังเรื่องน่าสนใจพร้อมๆ กัน

นิวซีแลนด์อากาศดีที่สุด

คงจะเกิดความสงสัยแล้วว่า...อากาศบริสุทธิ์มาจากที่ใด? เรามีคำตอบให้ค่ะซิส จากการค้นคว้าและศึกษาข้อมูลพบว่า "นิวซีแลนด์" เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่อากาศดีที่สุดในโลก เพราะสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะที่ไม่มีประเทศหรือเกาะใดบดบัง จึงได้รับอิทธิพลกระแสลมตะวันตก พัดพาเอาความเย็นและอากาศบริสุทธิ์จากทวีปแอนตาร์กติกา พัดผ่านมหาสมุทรใต้มายังนิวซีแลนด์โดยไม่ผ่านแหล่งที่อยู่อาศัย จึงทำให้อากาศบริสุทธิ์ไร้การปนเปื้อนมลภาวะ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์

อากาศบริสุทธิ์จาก 9 เทือกเขา

แต่อากาศที่อยู่ภายในแต่ละกระป๋องนั้นก็ไม่ได้มาจากสถานที่เดียวกันนะคะคุณ โดย Breathe Ezy ได้ทำการเก็บอากาศบริสุทธิ์จากเทือกเขาทั้งหมด 9 ที่ คือ Lake Matheson, Coastal New Zealand, Aoraki/Mt Cook, Lake Wakatipu, Mackenzie Basin, Lake Pukaki, Fox Glacier, Totaranui Beach, Arrowtown ซึ่งทุกคนจะสัมผัสได้จากกลิ่นของอากาศที่เก็บจากแต่ละสถานที่จะมีความแตกต่างกัน และแน่นอนว่าอากาศที่เก็บมาจะต้องผ่านกระบวนการกรองเพื่อให้มั่นใจว่าอากาศบริสุทธิ์ไร้การปนเปื้อน มีระดับค่าดัชนีคุณภาพอากาศต่ำกว่า 0.01 

หนีปัญหามลพิษ

เซเลบริตี้สาวสวยคนเก่งอย่าง "เบน-กัลยานี กมลวิศิษฎ์" กล่าวว่า "ด้วยสภาพอากาศในกรุงเทพฯ ที่ไม่ดีต่อสุขภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ และในหลายจังหวัดของไทยมีค่ามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินกว่ามาตรฐาน ทำให้ในฐานะคนเมืองที่ต้องใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก แถมยังเป็นคุณแม่ที่ห่วงใยสุขภาพของลูกน้อย จึงเริ่มมองหาตัวช่วยใหม่ในการรับมือกับสภาวะที่กำลังเผชิญ อากาศบริสุทธิ์ ที่อัดกระป๋องมา ก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องมลภาวะได้เป็นอย่างดี"

"เราคิดมาตลอดว่าจะหาวิธีรับมือกับสภาวะนี้อย่างไร โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤติ PM 2.5 ซึ่งมีงานวิจัยชี้ชัดแล้วว่าเป็นฝุ่นมลพิษที่มีอนุภาคเล็กมาก จนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายและเกิดสะสมทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กจะส่งผลต่อปอดเด็กแรกเกิดจนอายุ 20 ปี ในฐานะแม่และภรรยา เราพยายามหาทางออก"

ช่วยให้สมองทำงานได้ดี

ด้าน นพ.พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) เผยถึงประโยชน์ของอากาศบริสุทธิ์และการพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพของคนเมือง ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะทางอากาศ อาทิ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก, ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์, ควันบุหรี่, ควันจากการเผาไหม้อินทรียวัตถุ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ว่า ด้วยวิถีชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ที่หนีไม่พ้นต้องสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนที่อยู่รอบตัว การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอจึงเป็นเกราะป้องกันตัวที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบหมวดหมู่ ตลอดจนการสูดอากาศที่บริสุทธิ์

"อากาศบริสุทธิ์ หมายถึงอากาศที่ประกอบด้วย ไนโตรเจน ออกซิเจน และก๊าซเฉื่อยอื่นๆ ในสัดส่วนที่สมบูรณ์ ไม่มีสารหรือโลหะหนักปนเปื้อน ข้อดีของการสูดอากาศบริสุทธิ์ คือ ช่วยให้สมองทำงานได้ดี ทั้งนี้จากการวิจัยพบว่า เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้หากได้รับอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้มีพัฒนาการดีขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานหรือการเรียน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับอากาศบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังพบว่าการหายใจลึกๆ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในร่างกายยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ฯลฯ เพราะอากาศบริสุทธิ์สามารถช่วยล้างสิ่งสกปรกที่มีอยู่ในปอดให้ออกมา"

ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี

สุดท้าย นพ.พิจักษณ์ ยังเผยถึงหลักการง่ายๆ ในการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีอีกว่า "เริ่มจากการตระหนักและเข้าใจกลไกตามธรรมชาติของร่างกายในการขจัดสารพิษตกค้างสะสมออกจากเลือด (Detoxification) เราต้องรู้ว่าแหล่งที่มาของการสะสมสารพิษตกค้างในร่างกายนั้นมาจากที่ไหนบ้าง เพื่อจะได้สามารถลดการสัมผัสและรับสารปนเปื้อนนั้น จากนั้นจึงมาสู่การส่งเสริมให้ระบบ Detoxification ในร่างกายทำงานได้อย่างไม่ติดขัด ด้วยการเลือกโภชนาการที่ดีให้กับร่างกาย ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ตลอดจนการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มช่องทางการขับของเสียออกทางเหงื่อ เพิ่มเติมจากการขับของเสียออกทางตับ ไต หรือน้ำเหลือง ที่ขาดไม่ได้คือการพาตัวเองไปสัมผัสหรือสูดอากาศบริสุทธิ์ เพื่อเป็นการดีท็อกซ์ร่างกายและจิตใจ"

อย่างไรก็ตาม สำหรับเทรนด์การล้างสารพิษ และโลหะหนักในหลอดเลือดเพื่อฟื้นฟูปรับสมดุลแก่ร่างกาย หรือคีเลชั่นนั้น นพ.พิจักษณ์ มองว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือ มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่สำหรับคนทั่วไป สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหันมาดูแลสุขภาพจากพื้นฐาน กินดี อยู่ดี คือ อยู่ในที่ๆ มีอากาศบริสุทธิ์ หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองแล้ว

ต่อจากนี้คำพูดที่เราเคยกล่าวเล่นกับเพื่อน เมื่อไปยังสถานที่ที่มีอากาศดีๆ ว่าอยากกักเก็บอากาศเหล่านั้นใส่ขวดโหลกลับมาไว้ที่บ้าน ตอนนี้คงไม่ใช่การพูดเล่นเพื่อความสนุกอีกต่อไปแล้ว เพราะอากาศดีๆ เหล่านั้นได้ถูกกักเก็บมาไว้ในขวดที่มีขนาดพอดีขวดนี้.

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ "สุขภาพ" อื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ Thairath women นะคะ 

อ่านเพิ่มเติม :

- 5 "ผลไม้ต้านหวัด" ตัวช่วย "ผู้หญิง" แบบไร้สารเคมี

- "แซลมอน" 7 ประโยชน์ที่ "ผู้หญิง" คู่ควร วิธีทำเมนูเด็ดแซลมอนเพื่อสุขภาพ