หากเอ่ยถึงผู้ริเริ่มสร้างภาพยนตร์ 35 มม. จนกลายเป็นผู้กำกับระดับตำนานที่ฉีกทุกกฎของการสร้างหนังเมืองไทย คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “สมบูรณ์สุข นิยมศิริ” หรือ “เปี๊ยก โปสเตอร์” ที่วันนี้ได้หันหลังให้กับวงการภาพยนตร์ และละทิ้งเมืองกรุงไปนานกว่า 20 ปีเพื่อใช้ชีวิตเรียบง่ายตามวิถีธรรมชาติ และมีไลฟ์สไตล์การกินอยู่ดูแลตัวเองในแบบที่คนรักสุขภาพหลายคนก็ต้องยอมซูฮกให้

โชคชะตานำพา...


คนส่วนใหญ่คงคิดว่าการจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ได้ ต้องมีแรงบันดาลใจแน่วแน่มาตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับอดีตนักสร้างหนังคนนี้ การกำกับภาพยนตร์เป็นเพียงโชคชะตา ไม่ใช่ชีวิตจิตใจ

“ผมรักการเขียนรูปตั้งแต่ 9 ขวบ เรียนศิลปะที่วิทยาลัยเพาะช่าง แต่ไม่ได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากรตามความฝัน เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงเริ่มรับเขียนป้ายโฆษณาสินค้าและวาดรูปปกนิตยสารที่ร้านไพบูลย์การช่างในปี 2496 ซึ่งเกิดถูกอกถูกใจคุณพิสิฐ ตันสัจจา แห่งโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ผมจึงกลายเป็นผู้บุกเบิกการเขียนใบปิดหนังด้วยสีโปสเตอร์แทนสีน้ำมันเป็นคนแรก จนเป็นที่มาของฉายา ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ”

...


จนกระทั่งปี 2511 เพื่อน (คุณสุชาติ เตชะศรีสุธี) ชักชวนมาทำหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยในชื่อ ดาราภาพ ซึ่งเป็นนิตยสารเล่มแรกที่พิมพ์ด้วยระบบออฟเซต โดยรับหน้าที่เป็นนักข่าวและช่างภาพถ่ายภาพประกอบคอลัมน์เบื้องหลังกองถ่าย รวมถึงสอนเขียนภาพดาราในคอลัมน์ “เงาจิตรกร” ให้แก่ผู้อ่าน

นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เปี๊ยก โปสเตอร์ เดินทางเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในฐานะผู้กำกับการแสดง โดยเดินทางไปเรียนรู้การสร้างภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 5 เดือน แล้วกลับมาสร้างหนังเรื่อง โทน ในปี 2513 ซึ่งเป็นหนังที่มีการเขียนสตอรี่บอร์ดและถ่ายด้วยฟิล์ม 35 มม. เป็นเรื่องแรกของไทยทำรายได้ถล่มทลายจากการฉายในโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยเพียงแห่งเดียวถึง 6 ล้านบาท และจากค่าตอบแทนที่สูงกว่าช่างเขียนรูปทั่วไป ทำให้คุณเปี๊ยกตัดสินใจหันมาเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งขัดแย้งกับตัวตนที่แท้จริง


หลีกหนีความวุ่นวาย...


“กว่า 30 ปีที่นั่งแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ชีวิตมีแต่ความวุ่นวาย ต้องรีบถ่ายทำให้เสร็จตามกำหนด บางวันต้องถ่ายทำตอนตีห้า แต่ตีสามเพิ่งแก้บทภาพยนตร์อยู่เลย ทำให้กินนอนไม่เป็นเวลา กับข้าวกองถ่ายส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ แต่จำเป็นต้องกิน ซึ่งมันไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อผู้สูงอายุ จึงตั้งปณิธานกับตัวเองตั้งแต่อายุ 45 ปี ว่าจะรอให้ลูกทั้ง 4 เรียนจบ แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา แล้วจะวางมือตอนอายุ 60 ขายบ้านที่กรุงเทพฯ หาที่เงียบๆ ทำงานเขียนรูปที่ตัวเองรัก ดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บป่วยด้วยเคล็ดลับ 4 อ คือ อากาศดี อาหารดี อารมณ์ดี ออกกำลังกายดี"

เปี๊ยก บอกว่า ตนเองเคยมาถ่ายภาพยนตร์ที่บ้านภูตะวันรีสอร์ท อำเภอปากช่อง แล้วชอบเพราะเป็นภูเขาใกล้กรุงเทพฯ ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเป็นอย่างหนึ่ง ตอนตกก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง เราได้เห็นหลาย อารมณ์ อีกอย่างอากาศของที่นี่เขาว่ามีโอโซนเป็นอันดับเจ็ดของโลก ไม่ทราบว่าได้ข้อมูลมาจากไหน แต่ที่พอจะพิสูจน์ได้ตลอด 21 ปีที่อยู่มาก็คือ หายใจคล่องและสดชื่นจริงๆ ทุกคนที่มาอยู่ที่นี่พูดแบบเดียวกัน ยิ่งพื้นที่ที่ผมอยู่สูงกว่าระดับทะเลเกือบ 500 เมตร ห่างจากตลาด 6 กิโลเมตร เข้าแยกลัดเลาะไปตามเนินอีก 2 กิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นจุดที่อากาศสะอาดสดชื่นของปากช่องจุดหนึ่งเลยทีเดียว

...


เปิดห้องออกแบบอาหารกับ 3 เมนูสุขภาพชวนกิน...

ผู้กำกับชื่อดังเล่าวว่า  โชคดีที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทำให้มีต้นทุนสุขภาพสูงกว่าคนรุ่นเดียวกัน ผมเชื่อว่า You are what you eat. คุณกินอะไรก็ได้อย่างนั้น จึงเริ่มอ่านหนังสือสุขภาพ ศึกษาเรื่องเคมีต่าง ๆ ของร่างกาย ยิ่งอ่านยิ่งพบว่ามันสนุก ในร่างกายเรานี่เป็นเหมือนสังคมที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ มีเทศบาลคอยกำจัดขยะ มีตำรวจตรวจสอบสิ่งแปลกปลอม มีศาลที่พิจารณาว่าสิ่งแปลกปลอมนั้นดีหรือชั่ว ถ้าชั่วน้อยก็เอาไปขัดเกลาให้กลับเนื้อกลับตัว ถ้าชั่วมากก็ส่งให้ไตขับออก ถ้าร่างกายรับของชั่วๆ ไว้จนมีปริมาณและอิทธิพลสูง หน่วยรักษาความปลอดภัยภายในก็รับมือไม่ไหว ร่างกายก็จะทรุดโทรม จนท้ายที่สุดเจ้าของร่างกายเป็นผู้รับกรรมด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งอาหารเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเหลือเราได้ จึงซื้อหนังสืออาหารสุขภาพมาอ่าน เช่น ตำรับอาหารบ้านคุณชูเกียรติ นิตยสาร Health & Cuisine


“ที่บ้านจะมีห้องออกแบบอาหาร เป็นห้องเก็บตำราอาหารและสุขภาพกว่าพันเล่ม โดยทำดัชนีไว้สำหรับค้นหาเมนูที่อยากได้ มีโต๊ะเขียนแบบไว้วางแผนรายการอาหารว่าวันนี้จะกินอะไร เพื่อป้องกันโรคอะไรด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็นให้มากที่สุด อย่างวันนี้ผมเริ่มมื้อเช้าด้วยโกโก้ 1 แก้ว และเบรกฟาสต์ ผักนึ่ง มีขนมปัง ไข่ดาว เน้นผักนึ่งอย่างแครอต ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี เห็ดหลากชนิด ร่างกายจะได้โพแทสเซียมจากโกโก้และเห็ดที่ช่วยควบคุมความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เบต้าแคโรทีนจากแครอต ลดความเสื่อมสภาพของจอประสาทตา วิตามินซีและซัลโฟราเฟนจากบรอกโคลีช่วยสร้างภูมิต้านทานและกำจัดสารก่อมะเร็ง รวมถึงมีใยอาหารช่วยระบบขับถ่าย"   

สำหรับ มื้อเที่ยงจะเป็นข้าวกล้องกับน้ำพริกกะปิและปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ มื้อนี้มีทั้งวิตามินบี 12 จากข้าวกล้องและกะปิที่ช่วยสร้างเม็ดเลือด ทั้งยังมีแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 15 เท่า รสชาติเผ็ดร้อนของพริกช่วยขับลมและกระตุ้นการทำงานของลำไส้ สารซีลีเนียมจากกระเทียม ช่วยลดความดันโลหิตสูงลดคอเลสเตอรอล มะเขือพวง ราชาแห่งผักพื้นบ้านที่มีเส้นใยเพกทินมากที่สุด ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบผิวลำไส้ให้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลได้ช้าลง เพื่อช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเร็วเกินไป

...


ปิดท้ายด้วยฟอสฟอรัสและแคลเซียมจากปลาเล็กปลาน้อย   

“ลืมบอกไปอย่างหนึ่งคือ ทุกครั้งที่ผมกินข้าวจะต้องโรยธัญพืช 9 ชนิดลงไปด้วยเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินบีครบถ้วน มีทั้งจมูกข้าวสาลี งาดงาขาว ลูกเดือย ถั่วเหลือง เม็ดมะม่วง หิมพานต์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง “ส่วนมื้อเย็นที่จะทำให้ Health & Cusine กินวันนี้คือ ข้าวกล้อง แกงส้มปลาทูผักบุ้ง ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่กับมะเขือเทศ และปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ สำหรับผู้สูงอายุควรกินข้าวในมื้อเย็น เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวกระตุ้นสร้างสารเซโรโทนินในสมองให้นอนหลับสบายในตอนกลางคืนแต่ไม่ควรกินเยอะ ส่วนตัวผมกินไม่เกิน 10 คำ เพื่อฝึกไม่ให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยมากเกินไปอีกทั้งมีปลาทูเป็นแหล่งโปรตีนและโอเมก้า-3 บำรุงสมองที่หาง่ายและราคาถูก ในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีโอเมก้า-3 ประมาณ 2-3 กรัม เทียบเท่ากับความต้องการของร่างกายในหนึ่งวัน และวิตามินเอในผักบุ้งแก้อาการตาบอดกลางคืนได้ดี และลดอาการปวดกระบอกตาเมื่อต้องเขียนรูป

“แต่จานอร่อยที่ผมอยากแนะนำให้คุณผู้ชายทั้งหลายกินคือ ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่กับมะเขือเทศ เมนูป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต เพราะผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไปเป็นโรคต่อมลูกหมากโตมาก 60-70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะพัฒนาเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มีวิธีป้องกันด้วยการกินมะเขือเทศเยอะๆ เพราะมีสารไลโคปีนที่ช่วยลดอัตราการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์และลดความรุนแรงได้ 53 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับหอมหัวใหญ่ที่ไม่เพียงทำให้ไข่เจียวมีรสหวานธรรมชาติแล้ว ยังมีแมกนีเซียมจะช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง กำมะถันช่วยให้เอนไซม์ตับทำงานขับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิ ภาพและสารเควอร์ซิทินป้องกันการอักเสบของร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ ถ้าคุณผู้ชายกินเป็นประจำรับรองว่าต่อมลูกหมากไม่โตแน่นอน อย่ามัวคุยกันอยู่เลย ผมว่าเราเข้าครัวทำอาหารเลยดีกว่า”

...


ว่าแล้วพี่ศรี (คุณนรีนุช ลาดแท่น คู่ชีวิตของคุณเปี๊ยก) ก็ส่งเสียงมาจากในครัวบอกทีมงานว่าเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างทำอาหารคุณเปี๊ยกได้บอกถึงเคล็ดลับของทั้ง 3 เมนู ให้เราฟังว่า   

“ทั้งหมดเป็นเมนูทำง่าย ไม่ต้องเตรียมของมากมาย สำคัญอยู่ที่วิธีทำ เริ่มจากโขลกพริกแกงของแกงส้ม มีกระชาย หอมเล็ก พริกแห้ง กะปิ เกลือ เติมกุ้งแห้งตามความชอบ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส ใส่กะปิลงในหม้อ ตามด้วยปลาทูสด ปิดฝารอเดือด ช่วงนี้ห้ามคนเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละและคาว ตามด้วยผักบุ้ง มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ ตามความชอบ"


ต่อมาเป็นไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่กับมะเขือเทศแสนง่ายไม่ยุ่งยาก เคล็ดลับอยู่ที่ปรุงรสด้วยเกลือแทนน้ำปลาเพื่อไม่ให้ไข่เจียวคาว บีบน้ำมะนาวเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน ทอดในกระทะที่น้ำมันกำลังร้อน จะได้ไข่เจียวหอมหวนชวนกิน

“สุดท้ายเป็นปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ ผมใช้ปลาวง ปลาข้าวสาร และกุ้งแก้ว ล้างน้ำ ให้สะอาดเพื่อลดความเค็ม รอให้น้ำมันร้อนจัดจึงนำปลาลงทอดด้วยไฟปานกลาง ให้สังเกตว่าหากปลาสุกแล้วจะลอยขึ้น รีบตักขึ้นทันทีแล้ววางบนกระดาษซับน้ำมัน ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย”

ออกกำลังต้านโรค...


หลังจากอิ่มหมีพีมันกันพักใหญ่ ก็ถึงเวลายืดเส้นยืดสายให้อาหารย่อย พอทราบเรื่องการออกกำลังกายของชายวัย 81 ปีคนนี้แล้ว วัยรุ่นอย่างเราๆ ยังต้องยอมแพ้ ประมาณหกโมงเช้าของทุกวัน ตื่นมาต้องขมิบก้นก่อน 100 ครั้ง เพื่อให้เลือดไหลเวียนสู่ต่อมลูกหมากได้ดี ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่อมลูกหมากโต จากนั้นเดินแกว่งแขนออกกำลังรอบโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร สลับกับวิ่งขึ้นเนินอีก 200 เมตร เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ด้วยความไม่ประมาท ผมจะสวมรองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการชำรุดของข้อต่อช่วงเข่า ต่อด้วยบริหารร่างกายกลางแดดรับวิตามินดีจากแดดก่อนสิบโมง แล้วก็อยู่กับธรรมชาติชมนกชมไม้ เชื่อไหมว่า จากที่เป็นคนสายตายาว ต้องสวมแว่นตลอด ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เพราะจักษุแพทย์บอกว่าการที่ผมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวช่วยปรับสมดุลให้สายตาปกติและผ่อนคลายจอประสาทตาได้เป็นอย่างดี ผมจึงสามารถใช้สายตาขับรถตอนกลางคืนได้โดยที่ไม่มีปัญหาและไม่มีความเสี่ยงของการเป็นโรคต้อต่างๆ เลย จากนั้นบริหารปอดด้วยการร้องเพลง ต่อด้วยโหนบาร์คู่ 10 ครั้ง ป้องกันอาการสะบักจม และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท"

นอกจากนี้ ช่วงเย็นก็จะตีเทนนิสวันละ 1-2 ชั่วโมง คู่ตีเป็นเด็กอายุ 11 ปี มีดีกรีเป็นแชมป์เยาวชนทีมชาติ แต่ผมไม่กลัวหรอกนะ เพราะความเจ้าเล่ห์และประสบการณ์การหลอกล่อสู้ผมไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ 1-2 เดือนที่ผ่านมาเขากำลังคร่ำเคร่งกับการเรียน จึงไม่ค่อยมีเวลามาเล่นด้วยกัน คงต้องรอให้ปิดเทอม ช่วงนี้ผมก็น็อกบอร์ดกับกำแพงไปก่อน”


จากการออกกำลังกายเป็นประจำทำให้คุณเปี๊ยกแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตน้ำตาลในเลือด และความหนาแน่นกระดูกอยู่ในระดับปกติ แถมไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย

สมดุลอารมณ์สร้างสุข...

นอกจากใช้เวลาว่างออกกำลังกายแล้ว คุณเปี๊ยกยังสร้างสมดุลทางอารมณ์และจิตใจด้วยการปฏิบัติธรรม จึงไม่แปลกหากใครที่พูดคุยกับเขาจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ขี้เล่น อารมณ์ดี   

เปี๊ยกบอกว่า เวลาเขียนรูปเมื่อก่อนต้องเปิดเพลงพอมาอยู่ปากช่องก็หันมาฟังพระเทศน์ของคลื่นวิทยุชุมชนแล้วประทับใจการเทศนาของพระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบล ราชธานี ซึ่งท่านได้ปลีกวิเวกมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสีจังหวัดนครราชสีมา ท่านเดินมาบิณฑบาตในหมู่บ้านทุกเช้า ผมก็จะไปยืนรอตักบาตรและซักถามข้อสงสัยในธรรมะ เช่น คำว่า ‘คุณงามความดี’ นั้น ในทางธรรมะหมายถึงอะไร ท่านก็คลายข้อข้องใจ ณ ตอนนั้นว่า ‘คุณงาม’ และ ‘ความดี’ เป็นคำนามทั้งคู่ แท้จริงต้องมีคำบุพบทมาเชื่อมจึงจะมีความหมายถูกต้องชัดเจน คือคุณงามของความดี รวมทั้งไปปฏิบัติธรรมที่บ้านบุญของบ้านไร่ทอสีในสัปดาห์ที่หนึ่งและสามของทุกเดือน เพื่อสวดมนต์ ทำวัตรเช้าฟังพระเทศน์ แล้วก็นั่งสมาธิเอาชนะความฟุ้งซ่านของตัวเอง   

“หลักธรรมที่ผมนำมาปรับใช้กับตัวเองนอกจากการรักษาศีล 5 แล้ว คือ หลักไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตกับความคิดคือตัวเดียวกัน ถ้าปล่อยให้จิตเป็นธรรมชาติ จิตซึ่งเป็นกระบวนการความคิดก็จะดำเนินไปโดยมีไตรลักษณ์คอยกำกับ ทำให้เราเห็นถึงการทำหน้าที่ของจิต คือ เกิดทุกข์ ความไม่เที่ยง ความแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่สามารถบังคับมันได้”


อีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสุขที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นคือ การเขียนรูปที่ตนรัก ไม่ใช่ภาพโฆษณาภาพยนตร์เหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นรูปบุคคล ครอบครัว ธรรมชาติ แล้วแต่ว่าใครจะจ้างสตูดิโอเขียนรูปนี้ถือเป็นมุมโปรดที่เจ้าตัวรักที่สุด ผนังห้องเรียงรายไปด้วยใบปิดหนังฝีมือตัวเองและรูปเหมือนฝีมือลูกศิษย์ลูกหา อีกทั้งยังออกแบบแท่นวาดภาพเอง อุปกรณ์ครบเซต เฟรมเขียนรูประบบไฮดรอลิก แค่กดปุ่ม เฟรมก็จะเคลื่อนไปมาตามใจคนวาด และวิธีการสร้างสมาธิในการเขียนรูปของคุณเปี๊ยกก็คือ การเล่นไวโอลิน งานนี้พี่ศรีแอบกระซิบกับเราว่า คุณเปี๊ยกไม่เคยโชว์สีไวโอลินออกสื่อที่ไหนมาก่อน เพราะเล่นไม่ออกถ้ามีคนมาจ้อง มีกล้องมาตั้ง ขนาดลูกสาวขอถ่ายวิดีโอไปฝากลูกเขยก็ยังล้มไม่เป็นท่า เล่นเพี้ยน ผิดคีย์ทั้งเพลง ทราบอย่างนี้มีหรือที่ H&C จะพลาด เราตัดสินใจส่งหัวหน้าช่างภาพไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมกว่าชั่วโมงจนคุณเปี๊ยกใจอ่อนยอมสีไวโอลินเพลงเพราะๆ อย่าง ดวงใจในฝัน และสุขาอยู่หนใด ทำเอาคนฟังอย่างเราเคลิ้มไปตามๆ กันเลยทีเดียว

ก่อนจบ เปี๊ยกแนะเคล็ดลับเตือนใจว่า

1.กินผักสด ลดของมัน หวานเค็มน้อย ค่อยๆ เคี้ยว  2.บริหารกาย หายใจลึก ฝึกขมิบ จิบไวน์แดง 3.พักสายตา หย่าบุหรี่ หนีความเครียดเกลียดของเมา 4.หมั่นเดินเล่น แอบเต้นรำ ฮัมเพลงบ้าง ปล่อยวางหน่อย 5.ช่วยสังคม อารมณ์ขัน ขยันกิจ คิดทางบวก 6.มีเมตตา อุเบกขา วาจาสะอาด มารยาทงาม 7.อ่านหนังสือ ปลูกพฤกษา สร้างสรรค์ศิลป์ มองโลกสวย   

“ผมปฏิบัติเช่นนี้จริงๆ ที่มีขาดตกบกพร่องอยู่บ้างประการเดียวคือ จิบไวน์แดง เพราะไม่ชอบรสชาติเปรี้ยวๆ ขื่นๆ และที่สำคัญ แพงอีกต่างหาก”  ตลอด 20 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า เพราะการมีชีวิตเกิน 80 ปีนั้นว่ายากแล้ว แต่การมีชีวิตยืนยาวอย่างไร้โรคภัยและมีความสุขนั้นยากกว่า H&C เชื่อว่า เรื่องราวของเขาคนนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพแก่คุณผู้อ่านได้เป็นอย่างดี


เรื่อง : ณัฏฐพร วรรณดี ภาพ : พีระพัตน์ พุ่มลำเจียก 
ผู้ช่วยช่างภาพ : ภูวิศา เตจ๊ะมูล 
สไตล์ : พิมฝัน ใจสงเคราะห์ ข้อมูลจากนิตยสาร
Health & Cuisine ฉบับเดือนสิงหาคม