เสียดาย...ทำไมมีแค่ 5 วันเองน้า ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึงงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2560 ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ น่ะสิ ถือเป็นงานท่องเที่ยวระดับประเทศ ที่สายเที่ยวจากทุกสำนักไม่ยอมพลาดมาเช็กอิน เพราะที่นี่รวมเอาวัฒนธรรม อาหาร เสื้อผ้า และศิลปะ ของทั้ง 5 ภาคทั่วไทยมารวมไว้ที่เดียว ณ สวนลุมพินี

แน่นอนว่าฮัมมิ่งเบิร์ดก็เป็นอีกคนที่ไม่อยากพลาด นั่งนับวันรอเลยนะขอบอก! I TOUR ALONE สัปดาห์นี้ เลยอยากพาไป เก็บตกภารกิจช็อปชิมชิล ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งล่าสุดกันสักหน่อย เผื่อว่าใครไม่ได้ไปเที่ยวในปีนี้ จะได้เป็นคู่มือไว้สำหรับไปเที่ยวในปีหน้าได้เนอะ เอาล่ะ...ตามมาเลย

-1-

ขอเล่าคร่าวๆ ให้ฟังก่อนว่า ปกติงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยจะแบ่งโซนหลักๆ ออกเป็น 5 ภาค ไล่เรียงไปตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ นอกนั้นก็จะมีโซนกิจกรรมอื่นๆ เสริมเพิ่มเข้ามา ซึ่งในแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน

สำหรับปีนี้ มีโซนที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ โซนของดี 50 เขต กทม. อาหารถิ่นทั่วไทย โซนแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวไทย ปี 2560 โซนเอาต์ดอร์เฟส โซนเวทีกลาง โซนตรุษจีนวิถีไทยเก๋ไก๋ปีระกา โซนอุทยานธรณี และโซนลานสุขใจ 77 จังหวัด เป็นต้น

...

แต่เดี๋ยวก่อน...ขาเที่ยวสายกินอย่างเรา ก็ไม่ค่อยถนัดเที่ยวชมโชว์บนเวที เล่นเกม เล่นกิจกรรม สักเท่าไร ขอไปกินเน้นๆ จ้า (ฮา...) แล้วก็มีช็อปของสวยงามบ้างพอกรุบกริบ

เริ่มจากจุดแรกเราเดินไปเที่ยว ภาคเหนือ โดดเด่นสะดุดตาด้วยซุ้มประตูโคมยี่เปงสีสันสดใส อีกฝั่งเป็นซุ้มประตูร่มล้านนาสวยงามเช่นกัน ก้าวเข้ามาในงานนี่นึกว่ามาเที่ยวเชียงใหม่ อย่างเวทีการแสดง เขาก็ตกแต่งตามวัฒนธรรมล้านนาแท้ๆ มีโคมระย้าเต็มไปหมด

นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆ จำลองมาให้ชม และมีสินค้าเมืองเหนือให้เลือกช็อปเพียบใกล้ๆ เวที มี ‘กาดคนเมือง’ (ตลาดกับข้าวคนเมือง) งานนี้เราไม่พลาดชิมไส้อั่ว ข้าวซอย น้ำพริกหนุ่ม หมูกระจก ข้าวเปิ๊บ โอ๊ย...พูดถึงแล้วยังอยากกินอีกอยู่เลย!

-2-

เดินทะลุออกมาจากภาคเหนือก็จ๊ะเอ๋กับ ภาคอีสาน เลยจ้า คือพื้นที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ต้องเดินไปไหนไกล ทางเข้าก็เก๋ไก๋ เดินลอดผ่านซุ้มประตูผ้าขาวม้าสวยๆ ข้างในมีไฮไลต์คือพระธาตุพนมจำลองตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงกลาง รอบๆ ก็มีร้านค้าขายของฝากท้องถิ่น และโซนร้านอาหารอีสาน

...

เด็ดๆ เลยก็ต้องเป็นลาบ ส้มตำ ไก่ย่างเขาสวนกวาง ส้มตำแมคคาเดเมีย ผัดหมี่โคราช เนื้อย่างโคขุนโพนยางคำ ปลาร้าบอง เป็นต้น ส่วนของฝากเด่นๆ ก็จะเป็นผ้าทอมือ ผ้าไหมมัดหมี่ขอนแก่น ตุงอีสาน งานจักสานไม้ไผ่ งานเทียนหอม และงานเครื่องปั้นดินเผา

ถัดมา เราเดินไปที่ ภาคกลาง ตรงนี้ได้ชมการแสดงฟ้อนรำศิลปะภาคกลาง ได้เห็นร้านค้าที่จำหน่ายงานฝีมือมากมาย เช่น งานช่างสิบหมู่ งานทำหัวโขน การเพ้นท์ไม้ งานลงรักปิดทอง ส่วนอาหารเราเดินไปยังโซน 15 ตลาดบก 16 ตลาดน้ำ รวบรวมเอาอาหารอร่อยเด็ดของภาคกลางไว้ที่นี่ เราเดินไปชิมไปทั้งปลาส้มทอด ลอดช่อง ลูกชุบ ไส้กรอกปลาแนม ข้าวเหนียวขนุน เป็นต้น

...

-3-

ไม่รอช้า เดินออกกำลังขาไปยัง ภาคตะวันออก จุดนี้ต้องเดินออกมาไกลอีกหน่อยหนึ่ง สังเกตง่ายๆ ว่าจะมีตุ๊กตาปลานีโมประดับเรียงรายอยู่หลายตัว แปลว่าเดินมาถูกทางแล้ว หรือถ้ากลัวหลงก็ให้เช็กจากแผนที่ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำแต่ละจุด สอบถามน้องๆ ได้เลย เขาช่วยแนะนำอย่างดีทุกคน

...

ที่ภาคตะวันออก แน่นอนว่าจะต้องมีอาหารทะเลสดๆ อาหารทะเลแปรรูป เช่น กุ้งย่าง ก๋วยเตี๋ยวทะเล ก๋วยเตี๋ยวกั้ง ต้มยำซีฟู้ด หอยเชลล์ย่างเนย ปูม้านึ่ง ข้าวหลามหนองมน กุ้งแห้ง กะปิอย่างดี ปลาแห้ง หมึกแห้ง ปลาหวาน ฯลฯ เยอะแยะบอกไม่หมดจริงๆ

ส่วนของฝากเด่นดังหนีไม่พ้น 'พลอยเมืองจันท์' เครื่องประดับจากพลอย เครื่องประดับทับทิมสยาม แล้วยังมีครกหินคุณภาพดีจากอ่างศิลาด้วย

ปิดท้ายกันที่ ภาคใต้ บอกตรงๆ ว่าเดินหาอยู่นานเพราะหลงทาง แต่พอเช็กแผนที่ สอบถามน้องๆ ไกด์ในงานเล็กน้อย ในที่สุดก็มาถึงถิ่นปักษ์ใต้จนได้ ที่นี่เราไม่พลาดที่จะไปชิมโอ๊ะเอ๋วภูเก็ต โรตี ชาชัก ลูกตาลลอยแก้ว ลูกหยีกวน อ้อ! แล้วก็ได้เดินดูไข่มุกแท้ที่นำมาผลิตเป็นเครื่องประดับสวยงาม ชมงานจักสานย่านลิเภาเป็นกระเป๋าใบหรู ที่สำคัญคือได้ชมการเชิดมังกร หน้าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวจำลอง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปัตตานี

นี่ขนาดไปมา 2 วันนะ ยังรู้สึกว่าไม่พอ ยังอยากไปอีก แต่ไม่ว่างซะแล้ว รู้ตัวอีกทีงานก็หมดไปแบบไม่ทันตั้งตัว เอาเถอะ...ยังไงปีหน้าก็ยังมีอีก เอาไว้เดี๋ยวค่อยไปช็อปชิมชิลอีกทีก็ได้ คงฟินเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ คอนเฟิร์ม!

*ชมคลิป*