หวาน ละมุนหอมละไม

ซาหริ่มของหวานทานง่ายสบายเหงือกอยู่คู่กับคนไทย มานานแสนนาน เส้นซาหริ่มมีสีสันสดใสลอยเบาๆอยู่ในน้ำกะทิดูน่ารักน่าเอ็นดู น่าเสียดายที่ปัจจุบันหาซาหริ่มอร่อยได้ยากเต็มที ด้วยความเร่งรีบของผู้คนทำให้ บางร้านลดขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากวุ่นวายลง ความอร่อยและเสน่ห์แบบซาหริ่มโบราณก็ลดลงตามไปด้วย

สำหรับขาโซ้ยที่ คิดถึงเส้นนุ่มๆ น้ำกะทิหอมๆ ของซาหริ่มแบบดั้งเดิม วันนี้เจ๊แซบมีร้านซาหริ่มแสนอร่อยหอมกลิ่นกะทิอบเทียนลอยมาแต่ไกล ชื่อร้าน   "ซาหริ่มโบราณ   แม่ละเอียด"   ของ "คุณน้องนุช"  ผู้สืบทอดรุ่นที่สองต่อจาก  "คุณยายละเอียด"  ผู้บุกเบิกเปิดทางมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวๆ คุณยายแอบกระซิบที่มาที่ไปของสูตรซาหริ่มที่ได้มาแบบบังเอิ๊ญ...บังเอิญ

"สมัย ยายเป็นสาวๆ  ยายเปิดร้านทำผมอยู่ที่ปราจีนบุรี   อยู่ตรงสถานีรถไฟ   ตอนนั้นมีภรรยาผู้บังคับบัญชาการทหารคนนึงมาทำผมที่ร้านยาย อู๊ยยย... ตอนนั้นร้านทำผมยาย ดังมาก นางสาวไทยยังมาทำเลย เมื่อก่อนยายทำผมได้วันละตั้ง 2,000 บาท" (...ยังไม่เข้าเรื่องซาหริ่ม...รออีกนิด...หุหุ) "(ต่อ)...ทีนี้...ยายก็ได้ สูตรทำซาหริ่มมาจากภรรยาผู้บังคับบัญชาการทหารคนนั้นแหละ" อ๋อออออ... "คุณนายเขามาทำผมกับยายทุกวัน เราก็เลยคุยกันว่าเขาทำซาหริ่มเป็น   ยายก็ขอเรียนกับเขา   เขาก็บอกหมดเลย   ยายก็มาลองทำเอง   ไม่ได้ทำขายนะ  ทำกินเองในบ้าน   ฝึกทำไม่นานนะ ทำครั้งแรกก็อร่อยเลย" คุณยายละเอียดเล่าอย่างละเอียดและเป็นกันเองมั่กๆ!!


ร้านซาหริ่มโบราณคุณยายละเอียดเป็นร้านเล็กๆ  ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน  บริหารงานโดยคุณน้องนุชหลานสาวคนสนิทที่ทำหน้าที่สืบทอดมรดกแสนหอมหวาน   หลายคนอาจจะสงสัยร้านนี้เปิดมาไม่นานทำไมถึงมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดขายตอนเช้า   บ่ายๆก็หมดเกลี้ยง คุณน้องนุชไขข้อข้องใจ "ที่หมดเร็ว ...เพราะเราทำไม่เยอะค่ะ" (ฮา)

คุณน้องนุชอธิบายเพิ่มเติมถึง เหตุผลที่ทำไม่เยอะเพราะทุกอย่างต้องทำสดๆ ขายแค่วันต่อวัน โดยเฉพาะ "น้ำกะทิ" ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ  คุณน้องนุชบอกว่ากว่าจะได้น้ำกะทิหอมหวานแบบดั้งเดิมแท้ๆต้องใช้เวลาถึง 4 วัน 3 คืน!!!

ขั้นตอนการทำน้ำกะทิที่แสนละเอียดอ่อน เริ่มต้นตั้งแต่นำน้ำกรองสะอาดมาลอยดอกมะลิและดอกกระดังงาทิ้งไว้ 1 วัน กับอีก 1 คืน ย้ำว่าต้องเป็นน้ำกรองสะอาดเท่านั้น น้ำประปาธรรมดาจะมีกลิ่นคลอรีนปะปนทำให้เสียรส ดอกไม้ที่ใช้ในการอบมั่นใจได้ว่าสะอาดปราศจากสารพิษ เพราะปลูกเอง เก็บเอง อบเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องยาฆ่าแมลง

หลังจากได้น้ำดอกไม้หอมชื่นใจ คุณน้องนุชจะนำน้ำที่ได้มาทำน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำตาลทรายเคี่ยวจนละลาย กลิ่นน้ำดอกไม้จะเพิ่มความหอมให้น้ำเชื่อมอย่างแรง ซดแล้วแสนสดชื่น

...


น้ำดอกไม้อีกส่วนจะนำมาคั้นกับมะพร้าวแก่ ทำหัวกะทิสด คุณน้องนุชบอกว่าน้ำที่ใช้คั้นกะทิต้องเป็นน้ำดอกไม้เท่านั้น ถ้าเป็นน้ำเปล่าคุณยายไม่ให้ขาย!


หัวกะทิที่ได้จะนำไปอบควันเทียนทิ้งไว้  1  คืน  ก่อนจะนำมาเคี่ยวกับน้ำเชื่อมที่ผสมไว้เรียบร้อย เคี่ยวจนกะทิและน้ำเชื่อมละลายเข้ากันจนได้ที่  จึงนำไปอบเทียนทิ้งไว้อีก  1 คืน  ตื่นมาจึงจะเปิดหม้อรอขาย  สรุปรวมเวลาในการปั้นแต่งน้ำกะทิทั้งสิ้น 4 วัน 3 คืนเต็ม ใครที่อยากลองว่าของเค้าหอมแค่ไหน แนะนำให้รีบไปแต่เช้า ถ้าไปช้าอาจจะหมดอดหม่ำ (หุหุ)


เส้นซาหริ่มร้านนี้มีให้เลือก 3 สี ขาว ชมพู   และเขียว   เส้นเหนียว   นุ่ม   ละมุนลิ้น

กินแล้วไม่กระด้าง  โดยเฉพาะสีเขียวจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของใบเตย   คุณน้องนุชใช้ใบเตยสดๆ


มาคั้นเอา   แต่น้ำมาผสมกับแป้ง   เพิ่มทั้งสีสันและความหอมแบบธรรมชาติ

ทุก วันนี้คุณน้องนุชทำหน้าที่ดูแลทุกขั้นตอนการทำด้วยตัวเอง ด้วยความรักในการทำอาหาร บวกกับความภูมิใจในความหอมอร่อยของซาหริ่มคุณยาย ทำให้ตัดสินใจหันหลังให้งานประจำ ออกมาทำร้านอาหารเล็กๆของตัวเอง เพียงเวลาไม่นานที่เปิดบริการความหอมหวาน ชื่อเสียงเริ่มขจรขจายออกไปในวงกว้าง ขยายฐานลูกค้าแบบปาก ต่อปาก จนทุกวันนี้ต้องขยายขนาดตู้ และทำเพิ่มจากเดิม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความ ต้องการของลูกค้า เจ๊แซบแอบกระซิบถ้าไม่อยากมาแล้วเสียอารมณ์เพราะของหมดอดหม่ำ กรุณามาแต่เช้า หรือโทร.สั่งล่วงหน้าที่เบอร์ 08–5825 –3777 เบอร์เดียวเท่านั้น!!


ขาหม่ำที่อยากสั่งจำนวนมากเพื่อเลี้ยงพระ หรือเลี้ยงเพื่อน กรุณาโทร.สั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน เพราะต้องเผื่อเวลาทำน้ำกะทิ ทางร้านขายปลีกแยกเป็นกล่องๆ และขายส่งเป็นกิโล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อไปขาย

สถานที่ ตั้งของความหอมขั้นเทพอยู่ที่ถนนบางนา–ตราด ตรงข้ามกับราม 2 ข้างๆห้างนัมเบอร์วัน  พลาซ่า  เปิดตั้งแต่  9  โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม แต่บ่ายๆอาจจะหมด กรุณาโทร.ถามก่อนมาถ้าไม่อยากอารมณ์เสีย

...


ดับความร้อนระอุของสถานการณ์ บ้านเมืองด้วยซาหริ่มคุณยายละเอียด แล้วจะรู้ว่าความหอมหวานแบบไทยๆ แสนละเมียดละไมไม่มีชาติใดเหมือน!!!

เจ๊แซบ หัวเขียว