หากเอ่ยถึง “ลมหายใจ” ของวงการยานยนต์เมืองไทยคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ผู้สร้างอาณาจักรกรังด์ปรีซ์และงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่โด่งดังระดับโลก แต่วันนี้เราจะพาล้วงลึกชีวิตอีกมุมหนึ่งของนักธุรกิจท่านนี้ ที่นอกจากจะตอบทุกคำถามแล้ว ยังเปิดโรงรถหรูคุกกิ้งโชว์ ณ บ้านพักส่วนตัวบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ในโบนันซ่าเขาใหญ่แบบเอ็กซ์คลูซีฟและนับเป็นโอกาสสุดพิเศษสำหรับ H&C ที่ได้เข้าพักบ้าน 1 ใน 11 หลังที่คุณปราจินสร้างไว้รับรองเฉพาะญาติสนิทมิตรสหายอีกด้วย

เส้นทางสู่เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์

จากภาพในความทรงจำที่พนักงานโรงแรมโอเรียนเต็ลกำลังเปิดประตูรถคาดิลแลคคันงามให้ชายผู้หนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจให้ 'นายปราจิน เอี่ยมลำเนา' นักศึกษาวิทยาลัยเพาะช่างสร้างตำนานที่ยิ่งใหญ่ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายและสติปัญญา

“ผมเป็นลูกคนที่ 6 ในบรรดาพี่น้อง 8 คนพ่อเป็นข้าราชการสรรพสามิตชั้นจัตวา ส่วนแม่ขายเสื้อผ้าเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในครอบครัว พอผมจบศิลปะจากวิทยาลัยเพาะช่าง ก็เริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่งทุกวันวันละ 20 ชั่วโมง นอนวันละ 4 ชั่วโมงกลางวันเป็นลูกจ้างทำหนังสือที่สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ตกกลางคืนขี่มอเตอร์ไซค์รับวาดรูปอีก 3 แห่ง หลังจากนั้นก็ออกมาช่วยรุ่นพี่ทำหนังสือแนวมอเตอร์สปอร์ตชื่อ Sport Speed World และเป็นนักแข่งรถล่ารางวัลต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลมาทำหนังสือจนได้ก้าวเป็นบรรณาธิการตอนอายุ 23 ปี อีก 4 ปีต่อมาผมก็ได้ลงขันกับเพื่อนทำนิตยสารกรังด์ปรีซ์ฉบับแรก (ปี 2513) ตอนนั้นราคาขายเล่มละ 5 บาท ก่อนจะขยับขยายเป็นบริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จวบจนทุกวันนี้ก็ 42 ปีแล้ว"

...

“หลังทำหนังสือกรังด์ปรีซ์ได้ 5 ปี ผมได้จัดงานประกวดรถยอดเยี่ยมประจำปี หรือคาร์ออฟเดอะเยียร์ขึ้นเป็นครั้งแรก ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลามจึงได้ขยายการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้นในระยะเวลาที่นานกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของงานมอเตอร์โชว์ โดยเพิ่มเวทีโชว์รถยนต์ของค่ายต่างๆ นำนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยมาแสดงที่สวนลุมพินี และในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์’ ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 34 แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ในเอเชีย เราจะเป็นรองญี่ปุ่น แต่ผมมั่นใจว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะแจ้งเกิดในฐานะดีทรอยต์แห่งเอเชียได้อย่างแน่นอน”   


กินอยู่ง่ายสไตล์ปราจิน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุภาพบุรุษในวัย 70 ท่านนี้ ยังดูคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง และแข็งแรงกว่าคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งเคล็ดลับของเจ้าพ่อวงการรถยนต์ก็คือ “จริงๆ แล้วผมเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนภาพงานมอเตอร์โชว์ที่หลายคนเห็น ผมมีเคล็ดลับ 4 ข้อที่ทำให้แข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ ข้อแรก กินอาหารให้ตรงเวลาและครบทุกมื้อ ข้อสอง ต้องออกกำลังกาย ทุกเช้าหลังตื่นนอนผมจะสะบัดแขนขายืดเส้นยืดสายประมาณ 15 นาที เวลาว่างก็ตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ ข้อที่สาม ไม่สูบบุหรี่ เพราะตอนเด็กๆ ผมต้องนอนดมกลิ่นบุหรี่ของพ่อมาตลอด เหม็นมาก จึงไม่คิดที่จะยุ่งกับมันเลย ส่วนแอลกอฮอล์ดื่มบ้างนิดหน่อยเพื่อเข้าสังคม และข้อสุดท้าย ต้องคิดดี มีอารมณ์ขัน ไม่เครียด ส่วนเรื่องอาหารผมทานได้ทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ แม้จะเป็นอาหารธรรมดาก็ต้องทำมาจากวัตถุดิบที่ดี สด สะอาด"

หม้อทะลุก็ยังไม่เข็ด

“หลายคนไม่รู้ว่าผมชอบทำอาหาร ตรงนี้ผมได้มาจากพ่อ พ่อผมทำอาหารเก่ง แต่ไม่ได้สอนเป็นเรื่องเป็นราว ผมอาศัยครูพักลักจำเคล็ดลับต่างๆ เมนูแรกๆ ที่ทำได้คือสารพัดเมนูไข่ ทั้งไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่น้ำ ยำไข่ดาว มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยทำบ้านเกือบไฟไหม้ เพราะเผลออุ่นพะโล้ทิ้งไว้แล้วออกไปจ่ายตลาด มัวคุยกับสาวๆ จีบแม่ค้าอยู่พักใหญ่ กลับมาควันโขมงเต็มบ้าน เพราะพะโล้ที่อุ่นไว้น้ำแห้งจนหม้อทะลุ (หัวเราะ)"

...

อาหารไทยถูกปากที่สุด

“ผมเชื่อว่าถึงแม้เมืองไทยยังไม่เป็นที่สุดในโลกยานยนต์ แต่ถ้าให้ชนเรื่องอาหารแล้วก็ไม่แพ้ใครในโลก จากการเดินทางไปดูงานมาแล้วทั่วโลก ทำให้ผมมีโอกาสได้ทานอาหารดีๆ ของประเทศต่างๆ ซึ่งเมนูที่ประทับใจเป็นไก่ย่างแอฟริกัน เสิร์ฟกับพริกตำแอฟริกันที่เผ็ดร้อนและเผ็ดนานกว่าพริกขี้หนูของบ้านเราหลายเท่าตัว รสชาติจัดจ้าน แต่หลังจากที่ชิมอาหารมาหลากหลายประเทศ ได้บทสรุปว่าอาหารประเทศไหนก็สู้บ้านเราไม่ได้ ซึ่งหากจะให้แนะนำ ผมขอแนะนำ 5 ร้านอาหารในเมืองไทยแล้วกัน     

1. ข้าวหมูแดงสุพรรณบุรีถือเป็นร้านในตำนานของปากช่องเก่าแก่มาก อยู่แถวสถานีรถไฟปากช่อง
2. ครัวนาคนาวา ข้าวหมกไฮโซ อร่อย สะอาด บรรยากาศดี แค่ข้าวหมกอย่างเดียวก็มีหลายชนิดให้เลือก ทั้งไก่ แกะ ปลา ร้านอยู่บนถนนผ่านศึก-กุดคล้า อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา      
3. ร้านกาลิค อยู่ถนนประชาชื่นแถวสะพาน 99 ไข่เจียวปูฟูมากๆ เหมือนขนมเค้ก
4. ร้านข้าวผัดปูเมืองทอง รสชาติกลมกล่อมหอมเนยมาก ร้านนี้ใช้เนื้อปูม้าสดคัดเฉพาะเนื้อขาหลังของปูเท่านั้น
5. VinCotto Restaurant ในไร่ไวน์ GranMonte Family Vineyard ที่เขาใหญ่ อาหารอร่อยทุกจานอย่างฟัวกราส์หรือตับห่านจากฝรั่งเศส"

...

วิถีนักสะสมรถ

เมื่อได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของ ดร.ปราจิน นอกเหนือจากบทบาทนักธุรกิจแล้ว หากไม่พูดถึงรถยนต์สุดหรูราคาแพงก็เรียกว่ายังมาไม่ถึงอาณาจักรนักสะสมรถอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

ผมเลือกสะสมรถเพราะเป็นสิ่งที่อยากมีอยากได้เมื่อตอนเป็นเด็ก พอได้ทำหนังสือรถก็ยิ่งชอบ และจินตนาการที่จะไขว่คว้าหามาสะสม ตอนนี้มีเบนซ์ 24 คัน โรลส์รอยซ์ 6 คัน เบนท์ลีย์ 3 คัน BMW 2 คัน และอีกหลายยี่ห้อร่วม 50 คัน ทั้งหมดมาจากน้ำพักน้ำแรงในการทำงาน รถยนต์คันแรกของผมคือโตโยต้า โคโรลลา ตอนนั้นราคา 40,000 กว่าบาท ผมดาวน์ไป 15,000 บาท แล้วผ่อนอีกเดือนละ 1,500 บาท รถคันนี้ถือเป็นจุดกำเนิดของกรังด์ปรีซ์และเป็นรถที่สร้างชื่อเสียงให้ผมในฐานะนักแข่งรถ ในการแข่งขันเอเชียนไฮเวย์แรลลี่จากเวียงจันทน์ไปสิงคโปร์ รวมระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร ได้รางวัลที่ 1 รุ่น 1,300 ซีซี และที่ 2 ประเภท Overall"   

ดูแลรถและเข้าใจรถ

“เรื่องการดูแลรถที่สะสมไว้ผมจะให้คนขับรถเอาออกมาวิ่งไปกลับเขาใหญ่-กรุงเทพฯ เป็นประจำเพราะรถสร้างมาเพื่อวิ่งทางไกลคุณจะเอามาวิ่งระยะสั้นๆ หรือจอดไว้เฉยๆ ไม่ได้เครื่องยนต์จะพังโช้กอัพจะทรุด ส่วนของรถที่ผลิตจากพลาสติกจะกรอบหมดสภาพที่ประเทศญี่ปุ่นเขาจะจอดรถไว้ในบ้านติดแอร์ด้วย ไม่ได้จอดไว้กลางแจ้งเหมือนบ้านเราดังนั้นผมจึงสร้างโรงรถขึ้นมาใหม่ชื่อว่า Garage Life ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับนิตยสารของคนรักรถและบ้านสุดฮิตของญี่ปุ่นที่ผมซื้อลิขสิทธิ์มาทำเป็นภาษาไทย โรงรถแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรับรองประธานบริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ ชั้นล่างเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์รถชั้น 2 เป็นห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง มีห้องดูหนัง 1 ห้องมีพื้นที่ในการทำอาหารและจัดปาร์ตี้เป็นสัดเป็นส่วนชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าให้ชมวิวและทำกิจกรรมต่างๆ”

...

โปรเจกต์นี้คือเรื่องราวของผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า “เจ้าพ่อ” บ้างก็เรียก “นักปราชญ์”แต่เขากลับมองว่าตัวเองเป็นเพียง “คนธรรมดา” ที่มีฝัน มีจุดมุ่งหมายและมีความคิดไม่หยุดนิ่งอาจเรียกว่าเป็นความทะเยอทะยานก็คงไม่ผิดเพราะตลอดชีวิตของชายผู้นี้ได้พิสูจน์แล้วว่า...คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้

ภาพ/ข้อมูล : นิตยสาร Health & Cuisine