ใครเป็นแฟนรายการเชฟมือทองห้ามพลาดเด็ดขาดกับร้าน Smith Restaurant & Bar ที่ได้เชฟคู่หู “เชฟพีท” และ “เชฟเอียน” มาร่วมกันเสิร์ฟความอร่อยกับอาหาร Butcher Style นำเนื้อสัตว์ทั้งตัวมาปรุงอาหารในแบบ “from nose to tail” หรือพูดง่ายๆ ว่าปรุงตั้งแต่หัวจรดหาง

Smith นำโกดังเก่าอายุกว่า 50 ปีมาตกแต่งใหม่ โดยคงโครงสร้างอาคารเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นประตูเหล็กของตึกแถวสมัยก่อน ปล่องแอร์สังกะสี และเพิ่มเฟอร์นิเจอร์สไตล์อินดัสเตรียลเข้ามาสร้างบรรยากาศ รวมไปถึงกระเบื้องขาว ตะขอแขวนซากสัตว์ และเพนติ้งรูปซากสัตว์ที่สื่อความเป็นครัวและร้านอาหารสไตล์บุชเชอร์ ซึ่งทีมงานที่นี่เรียกตัวเองว่า Food Smith, Bar Smith ให้เข้ากับชื่อร้านที่เปรียบได้กับช่างแขนงต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเชฟเทเบิลที่ชั้นสอง ตกแต่งด้วยมีดญี่ปุ่นนับร้อยไว้ให้ลูกค้าที่อยากเรียนคุกกิงคลาสและกินมื้ออาหารส่วนตัวกับเชฟ


เราได้เชฟพีทมาช่วยแนะนำอาหารจานเด็ด เชฟ เล่าว่า ใช้เนื้อสัตว์และผักในประเทศเกือบทั้งหมด โดยขอให้ฟาร์มช่วยพัฒนาตามคุณภาพที่ต้องการ วันไหนมีวัตถุดิบอะไรก็จะคิดเมนูพิเศษในเช้าวันนั้นเพื่อขายทันที

เชฟพีทแนะนำจานแรก Calf’s Tongue ลิ้นวัวหั่นลูกเต๋าพอดีคำตุ๋นกับน้ำสต๊อกและเครื่องเทศให้ลิ้นวัวสุกพอมีเนื้อสัมผัสให้เคี้ยว กินกับผักกาดม่วงดองรสเปรี้ยว โรสแมรี่เดรสซิง และข้าวฟ่างทอด

...


จานต่อมา เชฟนำ “แฮกกิส” อาหารพื้นเมืองของสกอตแลนด์มาปรับหน้าตาเสียใหม่ เป็น Mini Haggis แฮกกิสขนาดเล็กที่น่ากิน จากเดิมใช้กระเพาะแกะ ก็เลือกใช้ไส้หมูแทนแล้วกรอกด้วยตับหมู หัวใจหมู ปอดหมู สมุนไพร และวิสกี้ เสิร์ฟกับเทอร์นิปดอง และสวีทโปเตโต้พูรี หน้าตาก็เลยเหมือนกับไส้กรอก หรือหม่ำบ้านเรา แต่รสชาติไม่จัดเท่า ได้รสหวานของมันหวานและรสเผ็ดอ่อนๆของเทอร์นิปช่วยตัดรสชาติ

จานต่อมา เชฟกลัวเราจะเบื่อเนื้อสัตว์ จึงเสิร์ฟเป็นปลา Sea Bream ปลานิลทะเลจากระนอง ที่นำด้านหนังปลาลงไปทอดให้เนื้อสุกและไม่ไหม้ เสิร์ฟกับหอยแครงไทยที่ต้มกับสต๊อก อาร์ติโชกดอง ดอกกะหล่ำพูรี พาร์เมซานชีส และซอสเครื่องเทศสีเขียว จบด้วยขนมหวานแบบเด็กหอ “Eton Mess” เลมอนเมอแรงก์ แคชูนัตพราลีน และวิปครีมสด เสิร์ฟกับเบอร์รีสด



*ร้านอาหาร Smith*
118 ถนนสุขุมวิท ซอย 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ 0-2261-0515-6
เวลาบริการ 11.00-01.00 น.

ข้อมูล/ภาพ : Gourmet&Cuisine