เจาะลึกประโยชน์ของชาดำ เครื่องดื่มทรงพลังที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและช่วยลดน้ำหนัก พร้อมเปรียบเทียบความต่างกับมัทฉะ และข้อควรระวังในการดื่มเพื่อสุขภาพที่ดี

ใครว่าชาที่ดีต่อสุขภาพมีแค่มัทฉะ? “ชาดำ” (Black Tea) คืออีกหนึ่งเครื่องดื่มทรงพลังที่ทั่วโลกยอมรับว่ามีประโยชน์มหาศาลไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะการดูแลระบบหัวใจและหลอดเลือด แต่หลายคนมักนำไปเปรียบเทียบกับ “มัทฉะ” ยอดฮิต วันนี้ไทยรัฐออนไลน์จะพาทุกคนไปไขคำตอบว่า ชาสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณที่สุด

ทำความรู้จัก “ชาดำ” ราชาแห่งชาเข้มข้น

ชาดำผลิตจากใบชา Camellia sinensis เช่นเดียวกับชาเขียว แต่ผ่านกระบวนการหมัก (Oxidation) อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีสีเข้ม กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และมีสารสำคัญที่ต่างออกไปจากชาชนิดอื่น

6 ประโยชน์ของชาดำ มากกว่าแค่แก้กระหาย

ข้อมูลจากบทความของ UCLA Health ได้เผยถึงประโยชน์ของการดื่มชาดำไว้ 6 ข้อดังนี้

...

1. เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ (Heart Health)

ชาดำอุดมไปด้วยสาร “เทียฟลาวิน” (Theaflavins) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และมี “ฟลาโวนอยด์” (Flavonoids) สารต้านอนุมูลอิสระชนิดเดียวกับที่พบในไวน์แดงและผักผลไม้ งานวิจัยระบุว่าการดื่มชาดำเป็นประจำช่วยลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 8%

2. ลดความเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต (Stroke Prevention)

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

การศึกษาระยะยาวพบว่า ผู้ที่ดื่มชาดำอย่างน้อย 2 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มเลย

3. เพิ่มพลังสมาธิและการจดจ่อ (Focus and Concentration)

ต่างจากกาแฟที่อาจทำให้ใจสั่น ชาดำมีส่วนผสมของคาเฟอีนและกรดอะมิโน “แอล-ธีอะนีน” (L-theanine) ที่ช่วยให้สมองตื่นตัวและมีสมาธิอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแต่ยังคงความผ่อนคลาย

4. ลดระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Sugar Control)

การดื่มชาดำแบบไม่ใส่น้ำตาล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน ส่งผลดีต่อการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2

5. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง (Cancer Risk Reduction)

สารโพลีฟีนอลในชาดำมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด แม้จะไม่ใช่ยารักษาโดยตรง แต่การบริโภคชาดำเป็นประจำอาจช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมาก

6. ปรับสมดุลระบบขับถ่าย (Gut Health)

ชาดำช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และยับยั้งแบคทีเรียที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของทางเดินอาหาร

เปรียบเทียบชัดๆ ชาดำ vs มัทฉะ เลือกแบบไหนดี?

คุณสมบัติ
ชาดำ (Black Tea)
มัทฉะ (Matcha)
กระบวนการหมัก
สมบูรณ์ (Fully Oxidized)
บดละเอียดจากใบชาสด (ไม่หมัก)
คาเฟอีน
ปานกลาง (ประมาณ 40-70 มก./แก้ว)
สูง (ประมาณ 70-140 มก./แก้ว)
สารต้านอนุมูลอิสระ
เทียฟลาวิน (Theaflavins)
อีจีซีจี (EGCG) สูงมาก
รสชาติ
เข้มข้น ฝาดเล็กน้อย หอมบ่ม
นุ่มนวล มัน หอมกลิ่นหญ้าสด
จุดเด่น
บำรุงหัวใจ, ราคาเข้าถึงง่าย
เผาผลาญไขมัน, ต้านมะเร็ง

...


ข้อเสียและข้อควรระวังของ “ชาดำ”

แม้จะมีประโยชน์มาก แต่การดื่มชาดำก็มีข้อจำกัดที่ต้องระวัง ได้แก่

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

  • อาการนอนไม่หลับ: หากดื่มช่วงเย็น คาเฟอีนอาจรบกวนการนอน
  • การดูดซึมธาตุเหล็ก: สารแทนนิน (Tannin) ในชาอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มชาพร้อมมื้ออาหารทันที
  • คราบเหลืองบนฟัน: ชาดำมีสีเข้มกว่าชาอื่น อาจทำให้เกิดคราบสะสมบนผิวฟันได้ง่าย
  • กรดในกระเพาะ: การดื่มชาดำตอนท้องว่างอาจกระตุ้นการหลั่งกรด ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือแสบร้อนกลางอก

ไม่ว่าจะเป็น ชาดำ หรือ มัทฉะ ต่างก็เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหากดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ (ประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน) หากคุณเน้นการดูแลหัวใจและชอบรสชาติที่เข้มข้น ชาดำคือทางเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่หากต้องการสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุดเพื่อชะลอวัย มัทฉะอาจตอบโจทย์กว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียม” เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าจากใบชาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

...