เคยไหม เวลาที่อาหารอร่อยๆ สองอย่างมารวมกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ใช่ความฟินคูณสอง แต่กลายเป็นอาการจุกเสียด ท้องอืด หรือหนักหนาสาหัสถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล

เรื่อง Food Combination หรือการจับคู่เมนูอาหาร ไม่ใช่แค่เรื่องของความอร่อย แต่เป็นเรื่องของเคมีในร่างกายด้วย นี่คือ 7 คู่หู "เมนูพัง" ที่หลายคนอาจเผลอกินด้วยกันเป็นประจำ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง และทำไมมันถึงไม่ควรเจอกันบนโต๊ะอาหาร

เปิด 7 คู่หูเมนูที่ไม่ควรกินด้วยกัน ระวังท้องไส้ปั่นป่วน

  • ทุเรียน และ แอลกอฮอล์ คู่หูอันตราย

ทุเรียน + แอลกอฮอล์ นั้นไม่ใช่แค่คำขู่ของคนโบราณ แต่คือ "เรื่องจริง" ที่อันตรายที่สุด ปาร์ตี้ที่มีทั้งทุเรียนและเบียร์วุ้น คือ "คู่หูนักฆ่า" ที่ต้องเลี่ยงเด็ดขาด เพราะในทุเรียนมี สารซัลเฟอร์ (กำมะถัน) สูงมาก ซึ่งสารนี้จะไปขัดขวางเอนไซม์ในตับที่ใช้กำจัดแอลกอฮอล์โดยตรง ทำให้ร่างกายขับพิษจากแอลกอฮอล์ได้ช้าลงมหาศาล ผลลัพธ์ คือ อาการจะหนักกว่าคนเมาปกติหลายเท่า ทั้งร้อนใน หายใจติดขัด วิงเวียนรุนแรง และอาจทำให้ความดันโลหิตสูงปรี๊ดจนช็อก (Acute Alcohol Toxicity) หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

  • นม และ ของเปรี้ยวจัด (น้ำส้ม, มะนาว) คู่ยามเช้าที่ต้องระวัง

มื้อเช้าของหลายคนอาจเป็นซีเรียลใส่นม แล้วตามด้วยน้ำส้มคั้นทันที นี่คือคู่คลาสสิกที่ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ง่ายๆ เมื่อกรดในผลไม้เปรี้ยวๆ เจอกับโปรตีนในนม มันจะทำให้โปรตีนจับตัวเป็นก้อน (Curdling) ทันที แม้ในกระเพาะเราจะมีกรดอยู่แล้ว แต่การเจอกันแบบปุบปับ อาจทำให้จุกเสียด ท้องอืด และย่อยยากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่ระบบย่อยไม่ค่อยแข็งแรง (ควรเว้นระยะสัก 30 นาที)

...

  • ชา กาแฟ และ ยา คู่หูขัดขวางการดูดซึม

สายออฟฟิศที่กินยาบำรุงหลังอาหารเช้าพร้อมกาแฟแก้วโปรดต้องระวัง เพราะในชาและกาแฟมีสาร "แทนนิน" (Tannin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการ "จับ" หรือ "ขัดขวาง" การดูดซึมของยาบางชนิด โดยเฉพาะ ยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก ผลคือ กินยาไปก็เหมือนเปล่าประโยชน์ เพราะร่างกายดูดซึมไปใช้ไม่ได้เต็มที่ ควรกินยากับน้ำเปล่า และเว้นระยะห่างจากชา และกาแฟอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

  • เบียร์ และ ถั่ว (หรือเครื่องในสัตว์) คอมโบสุดยอดเรียกเกาต์

"สุดยอดคอมโบ" ของสายดื่ม แต่ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของคนเป็นโรคเกาต์ ทั้งเบียร์ (จากยีสต์) และของแกล้มยอดฮิตอย่างถั่ว เครื่องในสัตว์ หรือสัตว์ปีก ต่างก็อุดมไปด้วย "พิวรีน" (Purine) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ "กรดยูริก" เมื่อกินคู่กัน ร่างกายจะได้รับพิวรีนในปริมาณมหาศาล ทำให้กรดยูริกพุ่งสูงปรี๊ด เสี่ยงต่ออาการโรคเกาต์กำเริบ ปวดบวมตามข้ออย่างรุนแรง

  • ผักโขม และ เต้าหู้ คู่เฮลตี้ที่แอบหักล้างกัน

คู่นี้คนรักสุขภาพอาจจะงง เพราะมันดูเฮลตี้ทั้งคู่ แต่ในทางเคมี ในผักโขม (Spinach) มีสารออกซาเลต (Oxalate) สูง สารนี้จะไปจับตัวกับแคลเซียม (Calcium) ที่มีมากในเต้าหู้ ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากเต้าหู้ไปใช้ได้น้อยลง และสำหรับคนที่มี "ความเสี่ยง" เป็นนิ่วในไตอยู่แล้ว การกินคู่นี้บ่อยๆ อาจเพิ่มโอกาสการเกิด "นิ่วชนิดแคลเซียมออกซาเลต" ได้ หากกังวล ให้ลวกผักโขมทิ้งน้ำก่อน 1 ครั้ง จะช่วยลดออกซาเลตได้

  • ของทอด ของมัน และ แตงโม คู่ศึกทะเลาะกันในกระเพาะ

สายบุฟเฟต์ปิ้งย่างที่ชอบตบด้วยผลไม้ต้องฟังทางนี้ ตามหลักการย่อยอาหาร ของทอดเป็นอาหารที่ย่อยยาก และมีไขมันสูง ทำให้ค้างอยู่ในกระเพาะนาน ส่วนแตงโม (หรือผลไม้น้ำเยอะ) มีฤทธิ์เย็นและย่อยเร็ว เมื่อกินของมันๆ แล้วตามด้วยผลไม้น้ำเยอะทันที อาจทำให้กระเพาะทำงานสับสน เกิดการหมักหมม เพราะไขมันชะลอการย่อย ทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด หรือท้องเสียได้ง่าย ควรเว้นระยะให้ของทอดได้ย่อยก่อนสักพัก

  • กุ้ง ปู  และ วิตามินซีสูง ตำนานที่ไม่จริง แต่ก็ไม่ควรสำหรับคนธาตุอ่อน

ตำนานที่ถูกแชร์กันเยอะมากว่ากินแล้วสารหนูในกุ้งจะทำปฏิกิริยากับวิตามินซี กลายเป็นยาพิษ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะ สารหนูในอาหารทะเลมีปริมาณน้อยมากและอยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นพิษ

ประเด็นที่แท้จริง คือ อาหารทะเลสดๆ กับผลไม้ที่มีกรดสูง เช่น มะนาวในน้ำจิ้มซีฟู้ด อาจไม่ถูกกับคนที่ธาตุอ่อน หรือระบบย่อยไม่แข็งแรง การเจอกันของอาหารสองประเภทนี้อาจทำให้ปวดท้องหรือท้องเสียได้ง่าย ซึ่งเกิดจากการย่อยที่ไม่เข้ากัน ไม่ได้เกิดจากพิษ

การกินอาหารให้อร่อยและปลอดภัย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอะไร ที่เรากินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกินคู่กับอะไร และเว้นระยะห่างอย่างถูกต้องหรือไม่ ลองสังเกตร่างกายตัวเอง และเลี่ยงคู่หูเมนูพังเหล่านี้ดู