ขนมไทยโบราณ เป็นเมนูขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ หากใครคิดจะลองทำกินเองหรือทำขาย เรามีสูตร 3 เมนูขนมไทย ที่ทำง่าย วัตถุดิบและขั้นตอนไม่เยอะมาฝาก
1. ขนมต้ม (ไส้มะพร้าวน้ำตาลมะพร้าว)
ขนมต้มเป็นขนมที่มีสีสันสวยงาม แป้งเหนียวนุ่มหนึบ ไส้มะพร้าวหวานหอมน้ำตาลมะพร้าว และคลุกด้วยมะพร้าวขูดเค็มมัน เป็นเมนูคลาสสิกที่ทำง่ายและคนรักมาก
วัตถุดิบ
- ตัวแป้ง: ใช้แป้งข้าวเหนียว (สามารถผสมน้ำอัญชันหรือน้ำใบเตย เพื่อให้มีสีสัน)
- ไส้: ทำจากมะพร้าวขูดขาว, น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ
- ส่วนคลุก: ใช้มะพร้าวขูดขาวและเกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
- ทำไส้: นำมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ ไปกวนในกระทะด้วยไฟอ่อนจนเข้ากันดีและไส้แห้งพอปั้นได้ พักให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ
- นวดแป้ง: นำแป้งข้าวเหนียวมานวดกับน้ำเปล่า (หรือน้ำสีจากธรรมชาติ) ทีละน้อย จนแป้งนุ่มนวล ไม่ติดมือ
- ปั้นและต้ม: แบ่งแป้งออกมาห่อไส้ที่ปั้นไว้ ปั้นให้เป็นก้อนกลม
- นำไปต้มในน้ำเดือด: เมื่อขนมลอยขึ้นมาแล้ว ต้มต่ออีก 1-2 นาที จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ
- คลุก: นำมะพร้าวขูดผสมกับเกลือเล็กน้อย (นึ่งมะพร้าวก่อนเล็กน้อยจะช่วยให้เก็บได้นานขึ้น) นำขนมต้มร้อนๆ ลงไปคลุกให้ทั่ว เป็นอันเสร็จ
...
การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์
- เน้นความพรีเมียม: ใช้มะพร้าวอ่อนขูดทำไส้และคลุกภายนอก จะเพิ่มความนุ่มหอมและมูลค่า
- การบรรจุ: บรรจุในกล่องพลาสติกใสแบบเรียงเม็ด 5-6 ลูก หรือใส่ในกระทงใบตองเล็กๆ พร้อมไม้จิ้มฟัน
- ราคาแนะนำ: กล่องละ 25-35 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดของเม็ดขนมและคุณภาพวัตถุดิบ)
- จุดขาย: "ขนมต้มไส้แน่น แป้งนุ่ม มะพร้าวอ่อนหอมมันเค็ม"
2. ตะโก้เผือก
ตะโก้เป็นขนมที่ให้สัมผัส 2 ชั้น คือ ตัวขนมที่เหนียวนุ่มและมีเนื้อสัมผัสของเผือก หรือจะใช้ข้าวโพดหรือสาคูเป็นไส้แทนเผือกก็ได้ ราดด้วยหน้ากะทิที่เค็มมัน เป็นความลงตัวที่ทำง่าย จัดเสิร์ฟง่าย และดูน่ารักน่าซื้อ
วัตถุดิบ
- ตัวขนม: ใช้แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน/แป้งถั่วเขียว, น้ำตาล, เผือกนึ่งหั่นเต๋า (หรือข้าวโพดต้ม, สาคูเม็ดเล็ก)
- หน้ากะทิ: ใช้หัวกะทิ, แป้งข้าวเจ้า (เล็กน้อย), เกลือ
- ภาชนะ: ใช้กระทงใบเตย หรือกระทงตะโก้สำเร็จรูป
วิธีทำ
- ทำตัวขนม: ผสมแป้ง, น้ำตาล, และน้ำเปล่า (หรือน้ำใบเตย) เข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนเริ่มเหนียวข้น
- ใส่เผือกนึ่งหั่นเต๋า (หรือไส้อื่นๆ) ลงไป กวนต่อจนแป้งใสและเหนียวดี
- ตักใส่กระทง: ตักส่วนผสมตัวขนมลงในกระทงใบเตยที่เตรียมไว้ (ตักให้ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของกระทง) พักไว้
- ทำหน้ากะทิ: ผสมหัวกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือเข้าด้วยกัน
- นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนเร็วๆ จนกะทิเริ่มข้น (ไม่ต้องให้เดือดพล่าน) สำคัญคือต้องเค็มนำเล็กน้อย เพื่อตัดกับความหวานของตัวขนม
- หยอดหน้า: ตักหน้ากะทิที่ยังอุ่นอยู่หยอดลงบนตัวตะโก้ที่อยู่ในกระทงเบาๆ ให้เต็มกระทง พักให้เย็นจนหน้ากะทิเซ็ตตัว
การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์
- เน้นภาชนะ: การใช้กระทงใบเตยพับเอง จะเพิ่มความพรีเมียมและกลิ่นหอมได้มาก
- ความหลากหลาย: ทำหลายรสชาติในแต่ละวัน เช่น เผือก, ข้าวโพด, สาคู, ฟักทอง
- การบรรจุ: จัดเรียง 3-4 กระทงในกล่องกระดาษสวยงาม หรือขายแยกกระทง
- ราคาแนะนำ: กระทงละ 15-20 บาท (หรือ 3 ชิ้น 45 บาท)
- จุดขาย: "ตะโก้เผือกหอม เนื้อแน่น กะทิเค็มมันกำลังดี"
3. กล้วยบวชชี
เป็นสุดยอดเมนูขนมไทยที่ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน วัตถุดิบหลักก็หาได้ง่าย และยังขายดีตลอดกาลเพราะรสชาติหอมหวานมันเป็นที่ถูกปากคนไทยทุกคน
วัตถุดิบ
- กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี (ประมาณ 10-12 ลูก) ควรเลือกกล้วยที่เปลือกยังมีสีเขียวปนเหลืองเล็กน้อย
- หัวกะทิ ขนาด 500 มิลลิลิตร ใช้หัวกะทิข้นๆ เพื่อความหอมมัน
- น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว ขนาด 1/2 ถ้วยตวง (ประมาณ 100-120 กรัม) เพิ่ม-ลดตามความชอบ, ใช้น้ำตาลปี๊บแท้จะหอมกว่า
- เกลือป่น ขนาด 1/2 ช้อนชา ใช้ตัดรสชาติให้กะทิกลมกล่อม
- ใบเตย จำนวน 3-4 ใบ มัดรวมกันเพื่อเพิ่มความหอม
- น้ำเปล่า (สำหรับต้มกล้วย) ใช้ปริมาณพอท่วมกล้วย
- เกลือ (สำหรับต้มกล้วย) ขนาด 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยล้างยางและทำให้กล้วยไม่ดำ
...
วิธีทำ
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมกล้วย
- ต้มทั้งเปลือก: นำกล้วยน้ำว้าทั้งเปลือก (ตัดหัวท้ายทิ้ง) ใส่ลงในหม้อต้มที่ใส่น้ำเปล่าและเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปด้วย
- ต้ม: ต้มกล้วยทั้งเปลือกประมาณ 10-15 นาที หรือจนกล้วยสุกนิ่ม เพื่อล้างยางกล้วยออกหมด ทำให้ไม่ฝาดและเนื้อไม่ยุ่ยเละง่าย
- พักและปอก: ตักกล้วยขึ้นมาพักไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นค่อย ๆ ปอกเปลือกและเส้นใยออกให้หมด
- หั่น: หั่นกล้วยเป็นชิ้นพอดีคำ ส่วนใหญ่จะหั่นเฉียงเป็น 2 ชิ้น หรือหั่นเป็น 4 ส่วนต่อ 1 ลูก
ขั้นตอนที่ 2: เคี่ยวน้ำกะทิ
- ตั้งไฟ: ใส่หัวกะทิ, น้ำตาลปี๊บ, เกลือและใบเตยมัดลงในหม้อ ตั้งไฟปานกลางค่อนอ่อน
- คน: คนเบาๆ ให้ส่วนผสมน้ำตาลและเกลือละลายดี ระวังอย่าให้กะทิเดือดพล่าน จนแตกมันมากเกินไป แค่พอให้ร้อนและน้ำตาลละลาย
- ชิมและปรับรส: ชิมรสชาติให้ออก หวานนำเค็มตาม เพราะความเค็มจะช่วยให้รสชาติกะทิกลมกล่อมและไม่เลี่ยน
ขั้นตอนที่ 3: บวชกล้วย
- ใส่กล้วย: เมื่อน้ำกะทิได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ให้ใส่กล้วยน้ำว้าที่ต้มและหั่นเตรียมไว้ลงไป
- เคี่ยวเบาๆ: ต้มต่อด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 5-10 นาที ให้เนื้อกล้วยดูดซับน้ำกะทิเข้าไป และเนื้อกล้วยมีสีเหลืองทองสวยงาม แต่อย่าคนแรง เพราะจะทำให้กล้วยเละ
- เสร็จสิ้น: ปิดไฟ ตักใบเตยออก และพักไว้ให้เย็น
...
การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์
กล้วยบวชชีเป็นเมนูที่มีต้นทุนไม่สูง การเพิ่มมูลค่าจึงเน้นที่คุณภาพของกะทิ และบรรจุภัณฑ์
- ขายแบบมาตรฐาน: ใส่ถ้วยพลาสติกขนาด 6-8 ออนซ์ ใส่กล้วย 4-5 ชิ้น ต่อถ้วย ตั้งราคา 20 - 25 บาท
- ขายแบบพรีเมียม: เพิ่มท็อปปิ้งเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปด้วย ตั้งราคา 30 - 35 บาท
- ขายเป็นชุดทำบุญ: บรรจุในถ้วยสวยงาม 5 ถ้วย ในกล่องใส จัดชุดสำหรับถวายพระ หรือทำบุญ ตั้งราคาที่ 150 - 180 บาท
ทั้งนี้การเติมเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเส้น หรือมันม่วงหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปบวชพร้อมกัน จะทำให้เมนูกล้วยบวชชีดูแตกต่างและเพิ่มมูลค่าการขายได้ดีมากขึ้น
เคล็ดไม่ลับยกระดับมูลค่าเมนูขนมไทย
การทำให้ขนมไทยธรรมดา กลายเป็น "พรีเมียม" คือหัวใจสำคัญในการเพิ่มมูลค่า
- ยกระดับวัตถุดิบ: เน้นใช้น้ำตาลมะพร้าวแท้, กะทิสดคั้นใหม่ และน้ำใบเตยคั้นเข้มข้น ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความหอมอร่อยที่แตกต่าง
- บรรจุภัณฑ์สวยงาม: แทนที่จะใส่ถุงพลาสติกธรรมดา ลองใช้กล่องพลาสติกใสสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ในกระทงใบตองเล็กๆ ห่อด้วยตอกไม้ไผ่ (แบบโบราณ) แล้วนำมาจัดเรียงในกล่องสวยงาม จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้ทันที
- ขนาดพอดีคำ: หั่นชิ้นเล็กๆ บรรจุ 4-6 ชิ้นในกล่องเล็ก ขายราคา 35-50 บาท
- ทำเป็นเซ็ตของฝาก: จัดเซ็ตรวมขนมต้ม ตะโก้เผือก และกล้วยบวชชี ในกล่องเดียว ขายราคา 100 บาทขึ้นไป
ตั้งชื่อร้านหรือขนมให้ดูน่าสนใจ เช่น "ขนมไทยสูตรโบราณ" หรือ "ขนมไทยออร์แกนิก" เน้นว่าทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันบูด เป็นจุดขายที่คนรักสุขภาพยินดีจ่ายเพิ่ม