ขนมไทยโบราณ เป็นเมนูขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ หากใครคิดจะลองทำกินเองหรือทำขาย เรามีสูตร 3 เมนูขนมไทย ที่ทำง่าย วัตถุดิบและขั้นตอนไม่เยอะมาฝาก

1. ขนมต้ม (ไส้มะพร้าวน้ำตาลมะพร้าว)

ขนมต้มเป็นขนมที่มีสีสันสวยงาม แป้งเหนียวนุ่มหนึบ ไส้มะพร้าวหวานหอมน้ำตาลมะพร้าว และคลุกด้วยมะพร้าวขูดเค็มมัน เป็นเมนูคลาสสิกที่ทำง่ายและคนรักมาก

วัตถุดิบ

  • ตัวแป้ง: ใช้แป้งข้าวเหนียว (สามารถผสมน้ำอัญชันหรือน้ำใบเตย เพื่อให้มีสีสัน)
  • ไส้: ทำจากมะพร้าวขูดขาว, น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ
  • ส่วนคลุก: ใช้มะพร้าวขูดขาวและเกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

  1. ทำไส้: นำมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ ไปกวนในกระทะด้วยไฟอ่อนจนเข้ากันดีและไส้แห้งพอปั้นได้ พักให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ
  2. นวดแป้ง: นำแป้งข้าวเหนียวมานวดกับน้ำเปล่า (หรือน้ำสีจากธรรมชาติ) ทีละน้อย จนแป้งนุ่มนวล ไม่ติดมือ
  3. ปั้นและต้ม: แบ่งแป้งออกมาห่อไส้ที่ปั้นไว้ ปั้นให้เป็นก้อนกลม
  4. นำไปต้มในน้ำเดือด: เมื่อขนมลอยขึ้นมาแล้ว ต้มต่ออีก 1-2 นาที จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ
  5. คลุก: นำมะพร้าวขูดผสมกับเกลือเล็กน้อย (นึ่งมะพร้าวก่อนเล็กน้อยจะช่วยให้เก็บได้นานขึ้น) นำขนมต้มร้อนๆ ลงไปคลุกให้ทั่ว เป็นอันเสร็จ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...


การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์

  • เน้นความพรีเมียม: ใช้มะพร้าวอ่อนขูดทำไส้และคลุกภายนอก จะเพิ่มความนุ่มหอมและมูลค่า
  • การบรรจุ: บรรจุในกล่องพลาสติกใสแบบเรียงเม็ด 5-6 ลูก หรือใส่ในกระทงใบตองเล็กๆ พร้อมไม้จิ้มฟัน
  • ราคาแนะนำ: กล่องละ 25-35 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดของเม็ดขนมและคุณภาพวัตถุดิบ)
  • จุดขาย: "ขนมต้มไส้แน่น แป้งนุ่ม มะพร้าวอ่อนหอมมันเค็ม"

2. ตะโก้เผือก

ตะโก้เป็นขนมที่ให้สัมผัส 2 ชั้น คือ ตัวขนมที่เหนียวนุ่มและมีเนื้อสัมผัสของเผือก หรือจะใช้ข้าวโพดหรือสาคูเป็นไส้แทนเผือกก็ได้ ราดด้วยหน้ากะทิที่เค็มมัน เป็นความลงตัวที่ทำง่าย จัดเสิร์ฟง่าย และดูน่ารักน่าซื้อ

วัตถุดิบ

  • ตัวขนม: ใช้แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน/แป้งถั่วเขียว, น้ำตาล, เผือกนึ่งหั่นเต๋า (หรือข้าวโพดต้ม, สาคูเม็ดเล็ก)
  • หน้ากะทิ: ใช้หัวกะทิ, แป้งข้าวเจ้า (เล็กน้อย), เกลือ
  • ภาชนะ: ใช้กระทงใบเตย หรือกระทงตะโก้สำเร็จรูป

วิธีทำ

  1. ทำตัวขนม: ผสมแป้ง, น้ำตาล, และน้ำเปล่า (หรือน้ำใบเตย) เข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนเริ่มเหนียวข้น
  2. ใส่เผือกนึ่งหั่นเต๋า (หรือไส้อื่นๆ) ลงไป กวนต่อจนแป้งใสและเหนียวดี
  3. ตักใส่กระทง: ตักส่วนผสมตัวขนมลงในกระทงใบเตยที่เตรียมไว้ (ตักให้ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของกระทง) พักไว้
  4. ทำหน้ากะทิ: ผสมหัวกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือเข้าด้วยกัน
  5. นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนเร็วๆ จนกะทิเริ่มข้น (ไม่ต้องให้เดือดพล่าน) สำคัญคือต้องเค็มนำเล็กน้อย เพื่อตัดกับความหวานของตัวขนม
  6. หยอดหน้า: ตักหน้ากะทิที่ยังอุ่นอยู่หยอดลงบนตัวตะโก้ที่อยู่ในกระทงเบาๆ ให้เต็มกระทง พักให้เย็นจนหน้ากะทิเซ็ตตัว

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock


การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์

  • เน้นภาชนะ: การใช้กระทงใบเตยพับเอง จะเพิ่มความพรีเมียมและกลิ่นหอมได้มาก
  • ความหลากหลาย: ทำหลายรสชาติในแต่ละวัน เช่น เผือก, ข้าวโพด, สาคู, ฟักทอง
  • การบรรจุ: จัดเรียง 3-4 กระทงในกล่องกระดาษสวยงาม หรือขายแยกกระทง
  • ราคาแนะนำ: กระทงละ 15-20 บาท (หรือ 3 ชิ้น 45 บาท)
  • จุดขาย: "ตะโก้เผือกหอม เนื้อแน่น กะทิเค็มมันกำลังดี"

3. กล้วยบวชชี

เป็นสุดยอดเมนูขนมไทยที่ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน วัตถุดิบหลักก็หาได้ง่าย และยังขายดีตลอดกาลเพราะรสชาติหอมหวานมันเป็นที่ถูกปากคนไทยทุกคน

วัตถุดิบ

  • กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี (ประมาณ 10-12 ลูก) ควรเลือกกล้วยที่เปลือกยังมีสีเขียวปนเหลืองเล็กน้อย
  • หัวกะทิ ขนาด 500 มิลลิลิตร ใช้หัวกะทิข้นๆ เพื่อความหอมมัน
  • น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว ขนาด 1/2 ถ้วยตวง (ประมาณ 100-120 กรัม) เพิ่ม-ลดตามความชอบ, ใช้น้ำตาลปี๊บแท้จะหอมกว่า
  • เกลือป่น ขนาด 1/2 ช้อนชา ใช้ตัดรสชาติให้กะทิกลมกล่อม
  • ใบเตย จำนวน 3-4 ใบ มัดรวมกันเพื่อเพิ่มความหอม
  • น้ำเปล่า (สำหรับต้มกล้วย) ใช้ปริมาณพอท่วมกล้วย
  • เกลือ (สำหรับต้มกล้วย) ขนาด 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยล้างยางและทำให้กล้วยไม่ดำ

...

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมกล้วย

  1. ต้มทั้งเปลือก: นำกล้วยน้ำว้าทั้งเปลือก (ตัดหัวท้ายทิ้ง) ใส่ลงในหม้อต้มที่ใส่น้ำเปล่าและเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปด้วย
  2. ต้ม: ต้มกล้วยทั้งเปลือกประมาณ 10-15 นาที หรือจนกล้วยสุกนิ่ม เพื่อล้างยางกล้วยออกหมด ทำให้ไม่ฝาดและเนื้อไม่ยุ่ยเละง่าย
  3. พักและปอก: ตักกล้วยขึ้นมาพักไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นค่อย ๆ ปอกเปลือกและเส้นใยออกให้หมด
  4. หั่น: หั่นกล้วยเป็นชิ้นพอดีคำ ส่วนใหญ่จะหั่นเฉียงเป็น 2 ชิ้น หรือหั่นเป็น 4 ส่วนต่อ 1 ลูก

ขั้นตอนที่ 2: เคี่ยวน้ำกะทิ

  1. ตั้งไฟ: ใส่หัวกะทิ, น้ำตาลปี๊บ, เกลือและใบเตยมัดลงในหม้อ ตั้งไฟปานกลางค่อนอ่อน
  2. คน: คนเบาๆ ให้ส่วนผสมน้ำตาลและเกลือละลายดี ระวังอย่าให้กะทิเดือดพล่าน จนแตกมันมากเกินไป แค่พอให้ร้อนและน้ำตาลละลาย
  3. ชิมและปรับรส: ชิมรสชาติให้ออก หวานนำเค็มตาม เพราะความเค็มจะช่วยให้รสชาติกะทิกลมกล่อมและไม่เลี่ยน

ขั้นตอนที่ 3: บวชกล้วย

  1. ใส่กล้วย: เมื่อน้ำกะทิได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ให้ใส่กล้วยน้ำว้าที่ต้มและหั่นเตรียมไว้ลงไป
  2. เคี่ยวเบาๆ: ต้มต่อด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 5-10 นาที ให้เนื้อกล้วยดูดซับน้ำกะทิเข้าไป และเนื้อกล้วยมีสีเหลืองทองสวยงาม แต่อย่าคนแรง เพราะจะทำให้กล้วยเละ
  3. เสร็จสิ้น: ปิดไฟ ตักใบเตยออก และพักไว้ให้เย็น

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...


การตั้งราคาและบรรจุภัณฑ์

กล้วยบวชชีเป็นเมนูที่มีต้นทุนไม่สูง การเพิ่มมูลค่าจึงเน้นที่คุณภาพของกะทิ และบรรจุภัณฑ์

  • ขายแบบมาตรฐาน: ใส่ถ้วยพลาสติกขนาด 6-8 ออนซ์ ใส่กล้วย 4-5 ชิ้น ต่อถ้วย ตั้งราคา 20 - 25 บาท
  • ขายแบบพรีเมียม: เพิ่มท็อปปิ้งเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปด้วย ตั้งราคา 30 - 35 บาท
  • ขายเป็นชุดทำบุญ: บรรจุในถ้วยสวยงาม 5 ถ้วย ในกล่องใส จัดชุดสำหรับถวายพระ หรือทำบุญ ตั้งราคาที่ 150 - 180 บาท

ทั้งนี้การเติมเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเส้น หรือมันม่วงหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปบวชพร้อมกัน จะทำให้เมนูกล้วยบวชชีดูแตกต่างและเพิ่มมูลค่าการขายได้ดีมากขึ้น

เคล็ดไม่ลับยกระดับมูลค่าเมนูขนมไทย

การทำให้ขนมไทยธรรมดา กลายเป็น "พรีเมียม" คือหัวใจสำคัญในการเพิ่มมูลค่า

  • ยกระดับวัตถุดิบ: เน้นใช้น้ำตาลมะพร้าวแท้, กะทิสดคั้นใหม่ และน้ำใบเตยคั้นเข้มข้น ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความหอมอร่อยที่แตกต่าง
  • บรรจุภัณฑ์สวยงาม: แทนที่จะใส่ถุงพลาสติกธรรมดา ลองใช้กล่องพลาสติกใสสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ในกระทงใบตองเล็กๆ ห่อด้วยตอกไม้ไผ่ (แบบโบราณ) แล้วนำมาจัดเรียงในกล่องสวยงาม จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้ทันที
  • ขนาดพอดีคำ: หั่นชิ้นเล็กๆ บรรจุ 4-6 ชิ้นในกล่องเล็ก ขายราคา 35-50 บาท
  • ทำเป็นเซ็ตของฝาก: จัดเซ็ตรวมขนมต้ม ตะโก้เผือก และกล้วยบวชชี ในกล่องเดียว ขายราคา 100 บาทขึ้นไป

ตั้งชื่อร้านหรือขนมให้ดูน่าสนใจ เช่น "ขนมไทยสูตรโบราณ" หรือ "ขนมไทยออร์แกนิก" เน้นว่าทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่สารกันบูด เป็นจุดขายที่คนรักสุขภาพยินดีจ่ายเพิ่ม