เปิดสูตรวิธีทำยำขนมจีน เมนูแซ่บนัวที่หลายคนติดใจ ทำกินเองก็ดี ทำขายก็ปัง ควรตั้งราคาเท่าไหร่จึงได้กำไรงาม
เคยไหมที่อยากหาเมนูแซ่บๆ นัวๆ ไว้ทำกินก็ดี ทำขายก็รวย ขอแนะนำ "ยำขนมจีน" เมนูอีสานสุดจี๊ดที่รวมความอร่อยครบเครื่องไว้ในจานเดียว ทั้งเส้นขนมจีนนุ่มๆ คลุกเคล้ากับน้ำยำปลาร้ารสเด็ดเปรี้ยว เผ็ด นัว พร้อมเครื่องแน่นๆ มาดูกันว่าเมนูนี้มีดีอะไร และจะปั้นให้เป็นอาชีพสร้างรายได้อย่างไรบ้าง
ยำขนมจีน หลากสูตร หลายสไตล์ แต่ความแซ่บจัดเต็ม
จริงๆ แล้ว ยำขนมจีนไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆ แต่ละพื้นที่ แต่ละร้านก็จะมี "สูตรน้ำยำ" และ "เครื่องเคียง" ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ยำขนมจีนมีรสชาติแตกต่างกันไป
แกนหลักของสูตรยำขนมจีน
หัวใจหลักของความอร่อยจะอยู่ที่น้ำยำปลาร้า ที่ปรุงรสชาติให้มี ความเปรี้ยว (มะนาว) เผ็ด (พริก) เค็ม/นัว (น้ำปลา/น้ำปลาร้า) และ หวานนิดๆ (น้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลทราย) ผสมกันอย่างลงตัว
ยำขนมจีนปลาทู
- วัตถุดิบสำคัญของสูตรนี้คือเนื้อปลาทูทอดแกะ, ถั่วฝักยาว, หอมแดง, ผักชีฝรั่ง โดยมีไฮไลต์ที่กลิ่นหอมของปลาร้าที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาทู เป็นสูตรดั้งเดิมที่คลาสสิกที่สุด
ยำขนมจีนทะเล/หมูยอ
- จุดเด่นของสูตรนี้คือมีทั้งกุ้ง, หมึก, หมูยอ, ไส้กรอก เพื่อเพิ่มโปรตีนและสีสันให้น่ากินยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเครื่องแน่น จัดเต็ม อร่อยแบบพรีเมียม
...
ยำขนมจีนสูตรคลีน
- สูตรนี้สำหรับสายคลีนที่อยากแซ่บ โดยใช้เนื้อไก่ลวกหรือเห็ดแทนเนื้อสัตว์ ปรุงรสน้อยลงเพื่อลดโซเดียม แซ่บได้แบบสบายใจสำหรับคนรักสุขภาพ
วิธีทำยำขนมจีนแบบง่ายๆ แต่แซ่บนัว
ยำขนมจีนทั้ง 3 สูตร ต่างกันแค่ส่วนประกอบของวัตถุดิบ แต่ขั้นตอนและวิธีทำเหมือนกัน ได้แก่
- ปรุงน้ำยำ: ผสมน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลทราย พริกป่น หรือพริกขี้หนูซอย เข้าด้วยกัน ชิมรสชาติให้เปรี้ยว เผ็ด เค็ม/นัวตามชอบ
- ใส่เครื่อง: ใส่ผักซอย (เช่น ถั่วฝักยาว หอมแดง ผักชีฝรั่ง) และเนื้อสัตว์ตามสูตร (เช่น ปลาทูแกะ/หมูยอ) คลุกเบาๆ ให้เข้ากัน
- คลุกเส้น: ใส่เส้นขนมจีนตามลงไป ค่อยๆ คลุก อย่างเบามือ (เคล็ดลับคืออย่าคลุกนานและแรง จะทำให้เส้นเละ) ให้เส้นซับน้ำยำทั่วถึง
- พร้อมเสิร์ฟ: ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี หรือเมล็ดกระถิน (ถ้ามี) พร้อมผักสดเครื่องเคียง
อยากทำยำขนมจีนขาย ควรตั้งราคาอย่างไรให้ได้กำไร
การทำยำขนมจีนขายถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่น่าสนใจ เพราะเป็นเมนูที่คนนิยมทานต่อเนื่องและมีต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่สูงจนเกินไป
1. การประเมินต้นทุนต่อกล่อง (โดยประมาณ)
- ต้นทุนจะผันผวนตามปริมาณเครื่องและราคาวัตถุดิบในพื้นที่ของคุณ แต่มักจะอยู่ที่ 30 - 45 บาทต่อชุด สำหรับยำขนมจีนที่มีปลาทูและเครื่องเคียงทั่วไป
- ขนมจีน (2-3 จับ) ราคาประมาณ 5 - 10 บาท
- เนื้อปลาทูทอด (1/2 - 1 ตัว) ราคาประมาณ 8 - 15 บาท
- ผักต่างๆ เช่น ถั่วฝักยาว, หอมแดง, ผักชีฝรั่ง ราคาประมาณ 3 - 5 บาท
- เครื่องปรุง (ปลาร้า, มะนาว, พริก, น้ำตาล) ราคาประมาณ 5 - 10 บาท
- บรรจุภัณฑ์ (กล่อง/ถุง) ราคาประมาณ 3 - 5 บาท
- รวมต้นทุนโดยประมาณ ราคาประมาณ 24 - 45 บาท
2. การตั้งราคาขาย
หลักการตั้งราคาขายควรครอบคลุม ต้นทุนวัตถุดิบ + ค่าใช้จ่ายดำเนินการ (ค่าแรง, ค่าไฟ, ค่าเช่า) + กำไร โดยปกติแล้วควรตั้งราคาให้ได้กำไรขั้นต่ำประมาณ 40-50% ของต้นทุน
- ราคาขายทั่วไป: โดยส่วนใหญ่ ยำขนมจีนจะขายอยู่ที่ 50 - 70 บาทต่อกล่อง/ชุด
- ถ้าต้นทุน 35 บาท: ควรตั้งราคาขายที่ 55 - 60 บาท เพื่อให้ได้กำไรอย่างน้อย 20 - 25 บาทต่อกล่อง
- สำหรับสูตรพรีเมียม (กุ้ง, หมึก, หมูยอเยอะ): สามารถตั้งราคาได้สูงขึ้น เช่น 70 - 90 บาท
- เคล็ดลับการตั้งราคายำขนมจีน
- วิเคราะห์ตลาด: ดูว่าร้านยำเจ้าอื่น ๆ ในพื้นที่ขายราคาเท่าไหร่ และเครื่องเยอะแค่ไหน
- สร้างมูลค่าเพิ่ม: ลองทำ "ท็อปปิ้งเสริม" เช่น ไข่ต้ม (เพิ่ม 5 บาท) หรือหมูยอ/กุ้งเพิ่ม (เพิ่ม 10 - 20 บาท) เพื่อเพิ่มรายได้ต่อออเดอร์
- เน้นความนัวและความสดใหม่: รสชาติที่จัดจ้านและวัตถุดิบที่สดใหม่คือแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ
ยำขนมจีน ไม่ใช่แค่เมนูธรรมดา แต่เป็นโอกาสทองในการสร้างรายได้เสริม ลองเริ่มจากสูตรปลาทูคลาสสิกแล้วค่อยๆ เพิ่มความหลากหลายของเครื่องเคียง ถ้าอร่อยจริง แซ่บจริง ยอดขายปังแน่นอน