กรีกโยเกิร์ต เมนูสุขภาพมาแรงที่หลายคนชื่นชอบในรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไป รวมทั้งยังให้ประโยชน์แก่ร่างกายสูงกว่า และสามารถกินคู่กับอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย

กรีกโยเกิร์ต มีประโยชน์อย่างไร

กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) เป็นโยเกิร์ตที่ผ่านการกรองเอาหางนม (Whey) และของเหลวออกไป ทำให้เนื้อสัมผัสและรสชาติมีความข้นกว่าโยเกิร์ตทั่วไป และมีคุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่นดังนี้

1. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง

กรีกโยเกิร์ตอุดมด้วยแคลเซียมและโปรตีน ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง แคลเซียมช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โปรตีนและสารอาหารอื่นๆ เช่น แมกนีเซียมและฟอสฟอรัสที่พบในกรีกโยเกิร์ตก็จำเป็นต่อการรักษาสุขภาพของกระดูก การบริโภคกรีกโยเกิร์ตส่งผลให้มวลกระดูกมีความหนาแน่นขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock


2. ลดความอยากอาหารและช่วยให้อิ่มนานขึ้น

...

กรีกโยเกิร์ตมีโปรตีนสูงจึงช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้การบริโภคแคลอรี่โดยรวมที่ลดลง ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก โปรตีนและไขมันในโยเกิร์ตกรีกช่วยให้รู้สึกอิ่ม ซึ่งป้องกันความหิวหลังมื้ออาหาร

3. ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อและการฟื้นตัว

การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอย่างกรีกโยเกิร์ต ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในผู้ที่ฝึกการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน จากการศึกษาหนึ่งพบว่าชายหนุ่มที่บริโภคโยเกิร์ตทุกวันร่วมกับการฝึกแบบมีแรงต้านเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความหนาของกล้ามเนื้อ และมวลปราศจากไขมันเพิ่มขึ้น

4. อาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ

การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงอาจเพิ่มจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญต่อวัน อย่างไรก็ตาม การบริโภคโยเกิร์ตกรีกเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้น แต่การรับประทานเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลซึ่งมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใย และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ อาจช่วยในการลดน้ำหนักและเพิ่มการเผาผลาญได้

5. ดีต่อสุขภาพลำไส้

กรีกโยเกิร์ตมีโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยฟื้นฟูสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าลำไส้ของบางคนอาจทนทานต่อประโยชน์ของโปรไบโอติก ขณะที่บางคนตอบสนองได้ดีกว่า

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock


6. อาจส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี

การศึกษาในปี 2016 พบว่าผู้ที่บริโภคกรีกโยเกิร์ตทุกวันมีความเครียด ซึมเศร้า และวิตกกังวลน้อยลง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างลำไส้กับสมอง (gut-brain axis) และความสามารถของลำไส้ในการสร้างสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนินและโดพามีน

7. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

งานวิจัยในปี 2014 พบว่าการบริโภคโยเกิร์ตที่มากขึ้น (แต่ไม่รวมผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ) ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลง นอกจากนี้ กรีกโยเกิร์ตยังมีโปรตีนสูงแต่คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลต่ำ จึงช่วยให้อิ่มเร็วและอาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่

8. อาจช่วยลดความดันโลหิต

กรีกโยเกิร์ต เป็นนมหมักโปรไบโอติกรูปแบบหนึ่งที่อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ การวิเคราะห์เมตาในปี 2013 พบว่านมหมักที่มีโปรไบโอติกช่วยลดความดันโลหิตได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยที่ไม่สรุปชัดเจน เช่น การศึกษาในปี 2015 ที่พบว่าการรับประทานโยเกิร์ตโปรไบโอติกไม่มีผลต่อความดันโลหิตและความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้เข้าร่วมที่มีน้ำหนักเกิน

กรีกโยเกิร์ตกินคู่กับอะไรแล้วดีต่อร่างกาย

การจับคู่กรีกโยเกิร์ตกับส่วนผสมที่มีประโยชน์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติได้มาก โดยเน้นการเพิ่มใยอาหาร (Fiber), วิตามิน, แร่ธาตุ, และไขมันดี

  1. กรีกโยเกิร์ตกับผลไม้สด เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี (บลูเบอร์รี, สตรอว์เบอร์รี), กล้วย, มะม่วง ช่วยเพิ่มใยอาหาร วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และความหวานตามธรรมชาติ
  2. กรีกโยเกิร์ตกับกราโนล่า (Granola), ข้าวโอ๊ต (Oats), หรือ ธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยเพิ่มใยอาหาร วิตามินบี และช่วยให้อิ่มนานยิ่งขึ้น
  3. กรีกโยเกิร์ตกับเมล็ดพืชหรือถั่ว เช่น เมล็ดเจีย (Chia Seeds), เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseeds), อัลมอนด์, วอลนัท ช่วยเพิ่มไขมันดี (Healthy Fats), โอเมก้า-3, ใยอาหาร, วิตามินอี และโปรตีน
  4. กรีกโยเกิร์ตกับน้ำผึ้ง หรือ เมเปิ้ลไซรัป ช่วยเพิ่มรสชาติหวานอร่อย แต่ควรใช้ในปริมาณที่จำกัด
  5. กรีกโยเกิร์ตกับผักและเครื่องเทศ สำหรับเมนูอาหารคาว เช่น แตงกวา, กระเทียม, ผักชีฝรั่ง โดยใช้กรีกโยเกิร์ตแทนมายองเนส หรือครีมเปรี้ยว ทำเป็นซอสหรือดิป เพิ่มรสชาติและดีต่อสุขภาพ

...

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

หากต้องการจับคู่กรีกโยเกิร์ตที่ช่วยเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น เรามีสูตรจับคู่ดังนี้

  • เน้นสุขภาพลำไส้และภูมิคุ้มกัน ให้จับคู่กรีกโยเกิร์ต (โปรไบโอติก) กับ ผลไม้ที่มีใยอาหารสูง (พรีไบโอติก) เช่น กล้วย, แอปเปิล
  • เน้นการสร้างกล้ามเนื้อและการคุมน้ำหนัก ให้นำกรีกโยเกิร์ต (โปรตีน) มารับประทานกับถั่วหรือเมล็ดพืช (โปรตีนและไขมันดี) และผลไม้ (คาร์โบไฮเดรตที่ดีเพื่อเติมพลังงาน)
  • เน้นสุขภาพหัวใจ นำกรีกโยเกิร์ต (โพแทสเซียม) มากินคู่กับ อัลมอนด์หรือวอลนัท (ไขมันดี) และเบอร์รี (สารต้านอนุมูลอิสระ)

ทั้งนี้ควรเลือกกรีกโยเกิร์ตชนิดจืด (Plain) ที่ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือไม่แต่งรส เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลส่วนเกิน และเติมความหวานจากผลไม้หรือน้ำผึ้งหรือเมเปิ้ลไซรัปเล็กน้อยตามความชอบ

ที่มา : Medical News Today