วิตามินซี เป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน เช่น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยสร้างคอลลาเจนให้ผิวสวยงาม พบได้ในผัก ผลไม้ หลายชนิด แต่บางวันเราอาจได้รับวิตามินนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลายคนจึงหันมาบริโภควิตามินเสริมเพื่อทดแทน อย่างไรก็ตาม การกินวิตามินซีก็ต้องให้ความใส่ใจ เพราะหากกินผิดวิธีอาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายมากกว่าจะเป็นผลดี
ไม่ควรกินวิตามินซีคู่กับอะไร
การกินวิตามินคู่กับอาหาร ยา และอาหารเสริมบางชนิดอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงรุนแรงถึงชีวิตได้ ซึ่งควรระวังดังต่อไปนี้
1. ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Warfarin
การกินวิตามินซีในปริมาณสูง (มากกว่า 1,000 มก./วัน) อาจลดประสิทธิภาพของยาละลายลิ่มเลือด ทำให้ยาทำงานได้ไม่เต็มที่และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
2. อาหารหรือวิตามินที่มีธาตุเหล็ก โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเหล็กเกิน
วิตามินซีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งในคนที่มีภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis) อยู่แล้ว อาจทำให้เกิดการสะสมของธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป จนเป็นพิษต่ออวัยวะสำคัญ เช่น ตับและหัวใจ
3. ยาเคมีบำบัดบางชนิด เช่น Doxorubicin, Cisplatin
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจรบกวนกลไกการทำลายเซลล์มะเร็งของยาเคมีบำบัดบางตัว ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง ดังนั้นผู้ป่วยที่ใช้ยานี้จึงควรปรึกษาแพทย์อย่างเคร่งครัด
4. วิตามินบี 12
วิตามินซีอาจทำให้การดูดซึมวิตามินบี 12 ลดลง วิธีแก้ไขคือ ควรเว้นระยะห่างการรับประทานอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
...
5. ยาที่มีส่วนผสมของอะลูมินัม (Aluminum) เช่น ยาลดกรด, ยาเคลือบกระเพาะ
วิตามินซีอาจเพิ่มการดูดซึมอะลูมินัมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังหรือผู้ที่กำลังฟอกไต
6. ยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนทดแทนที่มีเอสโตรเจน
วิตามินซีอาจเพิ่มระดับฮอร์โมนในกระแสเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือในบางกรณีอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดหากเกิดการอาเจียน
7. อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น นม
เพราะอาจทำให้สภาพความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในกระเพาะอาหารเปลี่ยนไป และลดการดูดซึมวิตามินซีได้
กินวิตามินซีอย่างไรให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายสามารถดูดซึมได้ในปริมาณจำกัดต่อครั้ง และจะถูกขับออกภายในไม่กี่ชั่วโมง การรับประทานอย่างถูกวิธีจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้
1. ควรกินวิตามินซีหลังอาหารเช้าหรือหลังอาหารกลางวัน
เป็นเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด การรับประทานหลังมื้ออาหารจะช่วยลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร และอาหารจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม
ช่วงเวลาที่ควรเลี่ยงการกินวิตามินซีคือ “ก่อนนอน” ซึ่งเป็นช่วงที่กระเพาะอาหารกำลังว่าง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการเข้าห้องน้ำบ่อย ซึ่งการตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนด้วยเช่นกัน
2. ควรแบ่งรับประทานครั้งละไม่เกิน 500 มก.
วิธีการกินวิตามินซีที่ถูกต้องคือควรแบ่งรับประทาน เพราะร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้ประมาณ 500 มก. ต่อครั้ง หากรับประทานในปริมาณสูง เช่น 1,000 มก. ต่อวัน ควรแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้งต่อวัน เช่น 500 มก. หลังอาหารเช้า และ 500 มก. หลังอาหารเย็น เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างต่อเนื่องและลดการถูกขับทิ้งไป
...
3. ดื่มน้ำตามมากๆ
เพราะวิตามินซีละลายในน้ำ การดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
4. กินในปริมาณที่เหมาะสม
ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำทั่วไปเพื่อบำรุงสุขภาพและผิวพรรณคือ 1,000−2,000 มก. ต่อวัน แต่ไม่ควรเกิน 2,000 มก. ต่อวัน ยกเว้นภายใต้คำแนะนำของแพทย์
5. กินคู่กับอาหารที่มีไขมันดี หรือวิตามินอี
การกินวิตามินซีพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินอี หรือไขมันชนิดดี เช่น ถั่ว อะโวคาโด หรือปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมของวิตามินซีได้
ขณะเดียวกัน หากมียาที่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำ หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคไต, ภาวะเหล็กเกิน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการกินวิตามินซีเสริม เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถกินคู่กันได้อย่างปลอดภัยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต
ที่มา : Nutrilite, Giffarine